อีเธอเรียม(ETH) ร่วงทะลุระดับ 4,000 ดอลลาร์ในวันที่ 25 (เวลาท้องถิ่น) เข้าสู่ภาวะตลาดขาลงเชิงเทคนิค หลังจากปรับตัวลงมากกว่า 20% จากจุดสูงสุดเมื่อเดือนสิงหาคมที่ 4,850 ดอลลาร์ ซึ่งนับเป็นการปรับฐานแรงที่สุดนับตั้งแต่ต้นฤดูร้อนที่ผ่านมา ความผันผวนครั้งนี้ยิ่งเพิ่มแรงกดดันให้ตลาด หลังปีเตอร์ ชิฟฟ์(Peter Schiff) นักลงทุนทองคำชื่อดังที่วิพากษ์คริปโตมายาวนาน ออกมาเตือนว่า *“บิตคอยน์(BTC) อาจเป็นรายต่อไป”*
อีเธอเรียมในวันเดียวกันพยายามตั้งฐานที่บริเวณ 4,150 ดอลลาร์ แต่ก็ไม่สามารถรักษาระดับไว้ได้ โดยราคาหล่นลงไปถึง 3,930 ดอลลาร์ ส่งผลให้แนวโน้มการเข้าซื้อของบริษัทต่างๆ ไม่สามารถรองรับแรงขายได้ ขณะที่กำไรช่วงหลายสัปดาห์ก่อนหน้าถูกลบทิ้งอย่างรวดเร็ว นักวิเคราะห์ทางเทคนิคให้ความเห็นว่า ตอนนี้ *แนวรับที่ 3,800 ดอลลาร์* กลายเป็นจุดสำคัญ หากไม่สามารถยืนเหนือระดับนี้ได้ อาจเกิดการปรับฐานรอบใหม่
ชิฟฟ์แสดงความเห็นว่า การที่อีเธอเรียมลดลงต่ำกว่า 4,000 ดอลลาร์ เป็นแค่จุดเริ่มต้นของการล่มสลายครั้งใหม่ในตลาดคริปโต โดยระบุชัดว่า “*บิตคอยน์กำลังจะตามมา*” ความเห็นของเขาอิงจากทัศนคติที่ไม่เชื่อมั่นในสินทรัพย์ดิจิทัลซึ่งสะท้อนจากคำเตือนหลายครั้งก่อนหน้านี้
สถานการณ์ในขณะนี้ไม่ใช่แค่ภาพรวมจากนักวิเคราะห์รายใดรายหนึ่ง เพราะราคาของอีเธอเรียมในปัจจุบันกลับมาที่ระดับเดียวกับเมื่อเดือนก่อน โดยที่แนวโน้มการฟื้นตัวที่เคยเห็นในช่วงครึ่งปีแรกหายไป ผู้เชี่ยวชาญในตลาดส่วนใหญ่เห็นพ้องกันว่า *โมเมนตัมที่เคยช่วยหนุนตลาดได้หยุดลงแล้ว*
ทั้งนี้ ความวิตกในตลาดถูกสะท้อนชัดเจนเมื่อความเสี่ยงจากการถือครองกลับมาเป็นประเด็น กลายเป็นว่าการร่วงของอีเธอเรียมเริ่มส่งผลต่อความมั่นใจในบิตคอยน์เช่นกัน โดยนักลงทุนเริ่มตั้งคำถามว่า BTC จะสามารถต้านแรงขายระยะสั้นได้หรือไม่ ท่ามกลางความไม่แน่นอนนี้ แนวโน้มของสองสินทรัพย์หลักจะฟื้นตัวกลับมาได้หรือไม่นั้น คาดว่าจะขึ้นอยู่กับ *ทิศทางตลาดในช่วงไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า* และผลกระทบจากปัจจัยมหภาครอบด้าน
ความคิดเห็น 0