Back to top
  • 공유 แชร์
  • 인쇄 พิมพ์
  • 글자크기 ขนาดตัวอักษร
ลิงก์ถูกคัดลอกแล้ว

บิตคอยน์(BTC) สะดุดแนวต้าน 110,000 ดอลลาร์ ขณะพลาสมา(XPL) พุ่งแรง 23% นำตลาด

บิตคอยน์(BTC) สะดุดแนวต้าน 110,000 ดอลลาร์ ขณะพลาสมา(XPL) พุ่งแรง 23% นำตลาด / Tokenpost

บิตคอยน์(BTC) พยายามฟื้นตัวในช่วงสุดสัปดาห์หลังจากการประกาศลดดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) แต่กลับถูกกดดันและไม่สามารถผ่านแนวต้านที่ระดับ 110,000 ดอลลาร์ (ประมาณ 15.29 ล้านบาท) ได้สำเร็จ ขณะที่เหรียญใหม่อย่าง *พลาสมา(XPL)* กลายเป็นดาวเด่นของตลาดคริปโต หลังพุ่งขึ้นกว่า 23% ภายในวันเดียว

แรงกระตุ้นสำคัญมาจากการที่เฟดประกาศปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายเมื่อวันพฤหัสบดี ส่งผลให้ตลาดตอบรับทันที โดยบิตคอยน์ทะยานขึ้นไปแตะ 118,000 ดอลลาร์ (ประมาณ 16.4 ล้านบาท) ชั่วคราว ก่อนจะปรับฐานลงมาเคลื่อนไหวแถวระดับ 115,000 ดอลลาร์ (ประมาณ 16.03 ล้านบาท) ตลอดช่วงวันหยุด

การปรับตัวลงเริ่มชัดเจนเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา บิตคอยน์ร่วงลงกว่า 5,000 ดอลลาร์ภายในวันเดียว โดยแตะระดับ 112,000 ดอลลาร์ (ประมาณ 15.56 ล้านบาท) และในเช้าวันศุกร์ย่อตัวลงอีกถึง 109,000 ดอลลาร์ (ประมาณ 15.15 ล้านบาท) ซึ่งถือเป็นครั้งแรกของเดือน ก่อนที่จะรีบาวด์กลับมาแตะระดับ 110,000 ดอลลาร์ได้อีกครั้ง แต่ไม่สามารถยืนเหนือได้อย่างมั่นคง และในขณะนี้ราคายังคงเคลื่อนไหวต่ำกว่าระดับดังกล่าว

จากความผันผวนที่เกิดขึ้น ส่งผลให้มูลค่าตลาดคริปโตทั้งหมดทรงตัวที่ประมาณ 3.85 ล้านล้านดอลลาร์ (ประมาณ 5,356.5 ล้านล้านบาท) โดยบิตคอยน์ยังครองส่วนแบ่งตลาดที่ 56.5%

ตลาดอัลท์คอยน์โดยรวมยังคงอยู่ในแนวโน้มอ่อนตัว โดย *อีเธอเรียม(ETH)* ร่วงลงต่ำกว่า 3,900 ดอลลาร์ (ประมาณ 5.42 ล้านบาท) จากระดับ 4,500 ดอลลาร์ (ประมาณ 6.25 ล้านบาท) ภายในหนึ่งสัปดาห์ ทำสถิติต่ำสุดในรอบหลายเดือน และปัจจุบันยังไม่สามารถยืนเหนือระดับ 4,000 ดอลลาร์ได้

อย่างไรก็ตาม เหรียญขนาดกลางและขนาดเล็กบางเหรียญสามารถสร้างผลตอบแทนได้อย่างน่าสนใจ โดย *พลาสมา(XPL)* กระโดดขึ้นถึง 22% ภายในวันเดียว ตามมาด้วย *MYX* ที่บวกไป 18% ขณะที่ *สตอรี่(IP)* เพิ่มขึ้น 14% ส่วน *WLFI*, *เมนเทิล(MNT)* และ *เวิลด์คอยน์(WLD)* ต่างขยับขึ้นในช่วง 4-5%

ขณะเดียวกัน เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา มีสัญญาณความหวังในประเด็นนโยบายคริปโตจากฝั่งผู้สนับสนุน *ประธานาธิบดีทรัมป์* ซึ่งทำให้ตลาดจับตาการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองด้วย แต่การปรับฐานของราคาที่เกิดขึ้นในรอบนี้มีแนวโน้มเกิดจากแรงขายทางเทคนิคมากกว่าจะเกี่ยวข้องกับปัจจัยทางการเมือง

ความคิดเห็นจากผู้เชี่ยวชาญในวงการมองว่า แนวโน้มการอ่อนตัวในระยะสั้นยังอาจดำเนินต่อไปจากแรงขายที่ค้างอยู่ แต่การปรับลดดอกเบี้ยของสหรัฐฯ ครั้งนี้อาจกลายเป็น ‘ฟืนกองไฟ’ จุดประกายให้ตลาดกลับมาเติบโตในระยะกลางถึงยาว

<ลิขสิทธิ์ ⓒ TokenPost ห้ามเผยแพร่หรือแจกจ่ายซ้ำโดยไม่ได้รับอนุญาต>

บทความที่มีคนดูมากที่สุด

บทความที่เกี่ยวข้อง

ความคิดเห็น 0

ข้อแนะนำสำหรับความคิดเห็น

ขอบคุณสำหรับบทความดี ๆ ต้องการบทความติดตามเพิ่มเติม เป็นการวิเคราะห์ที่ยอดเยี่ยม

0/1000

ข้อแนะนำสำหรับความคิดเห็น

ขอบคุณสำหรับบทความดี ๆ ต้องการบทความติดตามเพิ่มเติม เป็นการวิเคราะห์ที่ยอดเยี่ยม
1