ตลาดคริปโตในปี 2025 กำลังถูกขับเคลื่อนโดย ‘เรื่องราว’ มากกว่า ‘เงินทุน’ เพียงอย่างเดียว โดยจุดศูนย์กลางของตลาดกำลังเปลี่ยนจากคำถามว่า *ควรซื้อเหรียญอะไร* ไปสู่ *ใครกันแน่ที่ขยับตลาด* นักลงทุนบางรายอย่าง เจมส์ วิน(James Wynn), แอนดรูว์ คัง(Andrew Kang), GCR, มาชิ บิ๊กบราเธอร์(Machi Big Brother) และ อาเธอร์ เฮย์ส(Arthur Hayes) กลายเป็นผู้มีอิทธิพลที่สะท้อนถึงการเปลี่ยนแปลงนี้อย่างชัดเจน
กรณีของเจมส์ วิน ซึ่งพร้อมรับความเสี่ยงสูงจากการถูกบังคับปิดสถานะ เพื่อแลกมากับการหวังผลตอบแทนระดับสุดโต่ง กำลังได้รับความสนใจเป็นพิเศษ โดยในเดือนพฤษภาคม 2025 วินได้เปิดสถานะซื้อบิตคอยน์(BTC)ด้วยอัตราทดสูงถึง 40 เท่า คิดเป็นมูลค่าระหว่าง 1.1 พันล้านถึง 1.25 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 1.52 หมื่นล้านถึง 1.73 หมื่นล้านบาท) อย่างไรก็ตาม ราคาบิตคอยน์ปรับตัวลดลง จนทำให้สถานะนี้ถูกชำระบัญชี และเขาต้องขาดทุนไปหลายสิบล้านดอลลาร์ หรือหลายร้อยล้านบาท
ความกล้าของวินไม่ใช่เรื่องใหม่ ก่อนหน้านี้เขาเคยทำกำไรมหาศาลจากการถือครอง เพเป้(PEPE) ซึ่งเป็นเหรียญมีม แล้วนำกำไรที่ได้มาใช้ในการเทรดแบบมีเลเวอเรจสูง ความเชื่อมั่นที่เขามีต่อเหรียญประเภทนี้ทำให้เกิดทั้ง *ผลตอบแทนจำนวนมหาศาล* และ *การสูญเสียอย่างต่อเนื่องจากการถูกชำระบัญชี* ไปพร้อมกัน
พฤติกรรมการลงทุนของวินยังคงเป็นแพตเทิร์นเดิม คือการหมุนเวียนระหว่างกำไรจำนวนมากและการขาดทุนอย่างรุนแรง ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าไม่ใช่เพียงโชคช่วย แต่เป็นการตัดสินใจทางกลยุทธ์ที่มักมี ‘การใช้เลเวอเรจเกินขอบเขต’ เป็นตัวแปรสำคัญ วินจึงกลายเป็นตัวอย่างสำหรับนักลงทุนทั้งหน้าเก่าและหน้าใหม่ว่า การใช้เลเวอเรจที่มากเกินไป คือดาบสองคมที่สามารถให้โชคใหญ่หรือทำลายพอร์ตในชั่วพริบตา
ในปี 2025 นักลงทุนไม่ได้จับจ้องเพียงแค่ดัชนีราคา หรือสัญญาณบนทวิตเตอร์หรือออนเชน แต่หันมาใส่ใจผู้เล่นหลักที่กำหนดทิศทางของตลาดอย่างแท้จริง บุคคลเหล่านี้ไม่ใช่แค่ผู้อยู่เบื้องหลัง แต่ได้กลายเป็นเสาหลักของตลาดคริปโตในยุคใหม่ เป็นองค์ประกอบจริงที่ประกอบสร้างภูมิทัศน์ของอุตสาหกรรมสินทรัพย์ดิจิทัลในปัจจุบัน
ความคิดเห็น 0