นิค แซโบ(Nick Szabo) นักรหัสวิทยาผู้เสนอแนวคิดสมาร์ตคอนแทรกต์ของอีเธอเรียม(ETH) เป็นครั้งแรก ได้ออกมาแสดงความเห็นวิพากษ์ถึง *ปัญหาความไม่สอดคล้องของมูลค่า* ในระบบนิเวศของอีเธอเรียม โดยระบุว่าแม้แอปพลิเคชันบนเครือข่ายจะสามารถสร้างรายได้มหาศาล แต่กลับไม่มีความเชื่อมโยงที่ *มีนัยสำคัญ* กับราคาตลาดของอีเธอเรียม
แซโบระบุว่า การใช้งานส่วนใหญ่ของอีเธอเรียมมักเกิดขึ้นนอกเหนือจากการสะท้อนมูลค่าที่แท้จริงของตัวเหรียญ เขาชี้ว่า *ราคาของอีเธอเรียมกับการใช้งานจริงนั้นไม่สอดคล้องกัน* และนี่เป็นข้อจำกัดเชิงโครงสร้าง “ราคาของอีเธอเรียมขึ้นลงโดยไม่สัมพันธ์กับการใช้งานจริง บางครั้งราคาสูงแต่การใช้งานกลับต่ำ หรือในบางกรณีมีประโยชน์มากแต่ราคาไม่ขยับ” เขากล่าว
เมื่อเทียบกับบิตคอยน์(BTC) แซโบเห็นว่าบิตคอยน์มีบทบาทในฐานะ *แหล่งเก็บมูลค่า (Store of Value, SOV)* ที่ชัดเจน ทำให้มีความสัมพันธ์โดยตรงระหว่างราคาและการใช้งาน เขาเชื่อว่าอีเธอเรียมไม่สามารถทำหน้าที่เป็น ‘ทองคำดิจิทัล’ เหมือนบิตคอยน์ได้ จึงต้องอาศัย ‘เรื่องเล่า’ ที่แข็งแรงเพื่อขับเคลื่อนราคาให้เติบโต
ความคิดเห็นของแซโบยังสอดคล้องกับมุมมองของไรอัน วัตคินส์(Ryan Watkins) ผู้ร่วมก่อตั้งบริษัทซิงเครซี แคปิทัล โดยวัตคินส์ระบุว่า การที่ราคาอีเธอเรียมพุ่งจาก 1,400 ดอลลาร์ (ราว 193,000 บาท) ไปถึง 5,000 ดอลลาร์ (ราว 695,000 บาท) เกิดจาก *พลังของเรื่องเล่า* อย่างแนวคิด ‘บิทไมน์(Bitmine)’ ของทอม ลี(Tom Lee) มากกว่ามูลค่าพื้นฐาน เขายังแสดงความเห็นว่า “ตลาดขาขึ้นรอบนี้ไม่ได้ยึดติดกับปัจจัยพื้นฐาน แต่ถูกขับเคลื่อนด้วยกระแสและโครงสร้างของเรื่องเล่า ใครก็ไม่รู้ว่าปาร์ตี้นี้จะจบลงเมื่อไหร่”
อย่างไรก็ตาม แม้อีเธอเรียมจะสามารถกลับมายืนเหนือระดับ 4,700 ดอลลาร์ (ราว 6.54 แสนบาท) และสร้างสถิติผลประกอบการประจำไตรมาสที่โดดเด่นในไตรมาส 3 พร้อมสัญญาณเชิงบวกต่อเนื่องในไตรมาส 4 แต่หลายฝ่ายยังตั้งข้อสังเกตว่า แนวโน้มราคาดังกล่าวอาจขาด ‘พื้นฐานที่ยั่งยืน’ และอาจเป็นผลจากเรื่องเลว่าชั่วคราว
คำถามที่ยังค้างคาในอุตสาหกรรมคริปโตคือ *อีเธอเรียมจะสามารถสร้างการเติบโตที่สะท้อนมูลค่าที่แท้จริงได้หรือไม่* และจะสามารถก้าวขึ้นไปเป็นสินทรัพย์เก็บมูลค่าเช่นเดียวกับบิตคอยน์ได้มากน้อยเพียงใด — ซึ่งเป็นหัวข้อถกเถียงที่อาจยังไม่จบลงในเร็วๆ นี้
ความคิดเห็น 0