คาซัคสถานเดินหน้ากวาดล้างกิจกรรมผิดกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับคริปโต พร้อมเสริมความแข็งแกร่งให้กับภาพลักษณ์ในฐานะศูนย์กลางสินทรัพย์ดิจิทัลแห่งภูมิภาคเอเชียกลาง โดยในปีนี้เพียงปีเดียว รัฐบาลได้สั่งปิดแพลตฟอร์มคริปโตแล้วกว่า 130 แห่ง พร้อมยึดทรัพย์สินดิจิทัลมูลค่า 16.7 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 232.13 ล้านบาท ตามรายงานของสื่อท้องถิ่น
โฆษกสำนักงานกำกับดูแลทางการเงินของคาซัคสถาน (AFM) ระบุว่า แพลตฟอร์มที่ถูกปิดมีความเชื่อมโยงกับ ‘อาชญากรรมการฟอกเงิน’ ซึ่ง AFM ได้ยึดคริปโตเคอร์เรนซีหลายรายการไว้เป็นของกลาง นอกจากนี้ยังมีรายงานว่าหน่วยงานรัฐเพิ่งยึดคริปโตมูลค่ากว่า 642,000 ดอลลาร์ หรือราว 8.92 ล้านบาท จากการตรวจค้นฟาร์มขุดเหรียญผิดกฎหมายเมื่อสัปดาห์ก่อน
การเคลื่อนไหวนี้สะท้อนให้เห็นว่า รัฐบาลคาซัคสถานกำลังพยายามเสริมสร้าง ‘มาตรการปราบปรามคริปโตผิดกฎหมาย’ ควบคู่ไปกับการส่งเสริมอุตสาหกรรมในระยะยาว ความเข้มงวดดังกล่าวไม่เพียงจำกัดเฉพาะกิจกรรมคริปโต แต่ยังลุกลามไปสู่การปรับนโยบายการโอนเงินภายในประเทศด้วย
คีรัต บิซานอฟ(Kairat Bizhanov) รองผู้อำนวยการ AFM เปิดเผยว่า ตั้งแต่นี้เป็นต้นไป ผู้ที่โอนเงินผ่านบัตรธนาคารในจำนวนเกิน 500,000 เตงเก หรือประมาณ 1.29 แสนบาท จะต้องระบุ ‘หมายเลขประจำตัวผู้โอน’ (IIN) เพื่อป้องกันการฟอกเงินและการหลีกเลี่ยงภาษี นโยบายนี้จะมีผลบังคับทั้งในธุรกรรมทั่วไปและที่เกี่ยวข้องกับสินทรัพย์ดิจิทัล
‘ความคิดเห็น’ มองว่าการดำเนินการของคาซัคสถานในครั้งนี้ไม่ใช่การต่อต้านคริปโตโดยรวม แต่เป็นการสร้าง ‘ความเป็นระเบียบ’ ให้กับตลาดสินทรัพย์ดิจิทัล ซึ่งจะปูทางไปสู่การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานบล็อกเชนที่ยั่งยืนในระยะยาว
ความคิดเห็น 0