บิตคอยน์(BTC) ยังคงพยายามฟื้นตัวในระยะสั้น แต่ยังไม่สามารถทะลุแนวต้านที่ระดับ 124,000 ดอลลาร์ (ประมาณ 1.72 ล้านบาท) ได้ และถอยกลับลงมาเคลื่อนไหวต่ำกว่าระดับ 122,000 ดอลลาร์ (ประมาณ 1.69 ล้านบาท) ท่ามกลางการเคลื่อนไหวแบบ *ไซด์เวย์* ของตลาด ขณะที่บรรดาอัล트คอยน์บางตัวกลับแสดงความผันผวนอย่างรุนแรง โดยเฉพาะ *ซีย์แคช(ZEC)* ที่ราคาพุ่งขึ้นถึง 35% ภายในวันเดียว กลายเป็นจุดสนใจของนักลงทุน
ก่อนหน้านี้ บิตคอยน์เพิ่งทำ *จุดสูงสุดเป็นประวัติการณ์* ที่ระดับ 126,000 ดอลลาร์ (ประมาณ 1.75 ล้านบาท) แต่ก็ต้องหยุดชะงักจากแรงขาย กดดันให้ราคาดิ่งลงแตะจุดต่ำสุดที่ 121,500 ดอลลาร์ (ประมาณ 1.68 ล้านบาท) เมื่อวันที่ 8 (เวลาท้องถิ่น) ปัจจุบัน บิตคอยน์เคลื่อนไหวอยู่บริเวณ 122,000 ดอลลาร์ โดยแกว่งตัวในกรอบแคบ นักลงทุนต่างรอดูท่าทีของ *เจอโรม พาวเวลล์* ประธานธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) ซึ่งจะออกมาแถลงเกี่ยวกับ *แนวโน้มเงินเฟ้อ* และทิศทาง *อัตราดอกเบี้ย*
*ความคิดเห็น:* หากพาวเวลล์เปิดรับแนวทางลดดอกเบี้ย ความเสี่ยงในการลงทุนอาจลดลงและช่วยกระตุ้นแรงซื้อในตลาดคริปโต อย่างไรก็ตาม หากยังคงนโยบายการเงินแบบเข้มงวดต่อไปก็อาจนำไปสู่การปรับฐานครั้งใหม่
ขณะนี้มูลค่าตลาดรวมของบิตคอยน์อยู่ที่ประมาณ 2.42 ล้านล้านดอลลาร์ (ประมาณ 3,368 ล้านล้านบาท) ครองส่วนแบ่งตลาดที่ 56.8% ขณะที่ในกลุ่มอัลท์คอยน์ ซีย์แคช(ZEC) เป็นตัวที่แสดงผลงานโดดเด่นที่สุด ด้วยราคาที่ทะยานขึ้นกว่า 35% ภายใน 24 ชั่วโมง ซึ่งนับเป็นอัตราการเติบโตสูงสุดในกลุ่มเหรียญคริปโต 100 อันดับแรก ด้าน *เมนเทิล(MNT)* ปรับขึ้น 9% ขณะ *โมเนโร(XMR)* และ *เอเทนา(ENA)* ต่างบวกในช่วง 3–4%
ในทางกลับกัน *แอสเตอร์(ASTER)* ร่วงลงถึง 12% กลายเป็นหนึ่งในเหรียญที่เผชิญ *แรงขายอย่างหนัก* พร้อมด้วยกลุ่มเหรียญรองอย่าง *ปั๊มฟัน(Pump.fun)*, *โครโนส(CRO)*, *OKB*, *บองค์(BONK)*, *พายเน็ตเวิร์ก(Pi Network)* และ *ไฮเปอร์ลิควิด(Hyperliquid)* ที่ต่างเผชิญภาวะขาลงต่อเนื่อง
ภาพรวมตลาดคริปโตภายใต้แรงกดดันจากการปรับฐาน ทำให้มูลค่ารวมตลาดหดตัวลง 1.3% อยู่ที่ประมาณ 4.23 ล้านล้านดอลลาร์ (ราว 5,885 ล้านล้านบาท) ซึ่งชี้ให้เห็นว่า *ความผันผวน* ในตลาดยังคงสูง และอาจทวีความรุนแรงยิ่งขึ้นตามทิศทางนโยบายของเฟดและภาวะเศรษฐกิจโลกในอนาคต
ความคิดเห็น 0