อาเธอร์ เฮย์ส(Arthur Hayes) อดีตซีอีโอของบิทเม็กซ์(BitMEX) ระบุว่ารูปแบบการเคลื่อนไหวของ *บิตคอยน์(BTC)* เปลี่ยนแปลงไปอย่างมากจากอดีต โดยเฉพาะแนวคิด "ทฤษฎีวัฏจักร 4 ปี" ที่เคยใช้พยากรณ์แนวโน้มราคา ซึ่งเขามองว่าขณะนี้ไม่มีความหมายอีกต่อไปแล้ว พร้อมอธิบายว่า *บิตคอยน์ไม่อิงกับวัฏจักรแบบตายตัว แต่ตอบสนองต่อปัจจัยมหภาค เช่น นโยบายการเงินและสภาพคล่องทางการเงิน*
ในบทวิเคราะห์ผ่านบล็อกส่วนตัว เฮย์สได้แบ่งวัฏจักรขาขึ้นของบิตคอยน์ออกเป็น 3 ยุคหลัก เริ่มตั้งแต่ช่วงปี 2009–2013 ที่เศรษฐกิจโลกฟื้นตัวจากวิกฤตการเงิน และสหรัฐฯ ใช้นโยบายผ่อนคลายเชิงปริมาณอย่างเข้มข้น เขาเรียกช่วงนี้ว่า "วัฏจักรจุดเริ่มต้น (Genesis Cycle)" ที่บิตคอยน์เริ่มได้รับความสนใจเป็นวงกว้าง
ต่อมาคือปี 2017 ซึ่งเกิดจากแรงส่งของ ‘วัฏจักร ICO’ โดยเฉพาะผลพวงจากการขยายตัวของเครดิตในจีน ซึ่งภายหลังเมื่อจีนเริ่มชะลอการเติบโตของสินเชื่อ ราคาบิตคอยน์ก็เริ่มปรับฐานลง ตามมาด้วยวัฏจักรที่สามในปี 2021 ซึ่งได้รับแรงหนุนจากสภาพคล่องมหาศาลในช่วงโควิด-19 และสิ้นสุดลงหลังจากสหรัฐฯ เปลี่ยนนโยบายสู่การขึ้นดอกเบี้ย
จากตัวอย่างเหล่านี้ เฮย์สย้ำว่า แนวโน้มราคาบิตคอยน์ไม่ได้ขึ้นอยู่กับ ‘เวลาหลังการลดรางวัลบล็อก’ แต่ขึ้นอยู่กับ *‘นโยบายการเงินและกระแสเงินทุน’ เป็นหลัก* พร้อมแสดงความเห็นว่า "ไม่ต้องดูปฏิทิน ให้ดูการไหลของเงินจะชัดเจนกว่า" อีกทั้งยังแสดงมุมมองในเชิงรุกว่า *บิตคอยน์อาจแตะระดับ 1,000,000 ดอลลาร์ (ประมาณ 13.9 ล้านบาท) ได้ภายในปี 2028* ความคิดเห็นนี้สะท้อนการคาดการณ์ที่เป็นไปในทิศทาง ‘กระทิงสุดขีด’
ในปัจจุบัน รัฐบาลสหรัฐฯ ยังคงดำเนินนโยบายสนับสนุนสภาพคล่อง ขณะที่จีนเองยังใช้แนวทางขยายเครดิตอย่างระมัดระวัง เฮย์สเชื่อว่าแนวโน้มดังกล่าวจะก่อให้เกิด *โครงสร้างราคาแบบใหม่* ที่ซับซ้อนกว่าวัฏจักรในอดีต
ไม่เพียงแต่เฮย์สเท่านั้นที่ตั้งคำถามกับทฤษฎีวัฏจักร 4 ปี จู กี-ยอง (Ju Ki-young) ซีอีโอของคริปโตเควนต์ (CryptoQuant) บริษัทวิเคราะห์ข้อมูลบล็อกเชน ก็มีจุดยืนคล้ายกัน โดยเขาชี้ว่า *จำนวนผู้ถือครองระยะยาวมีมากกว่าผู้ที่เทรด* ซึ่งสะท้อนว่าตลาดกำลังอยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่านด้านโครงสร้าง
นอกจากนี้ การเพิ่มขึ้นของ *ETF บิตคอยน์แบบสปอต* ที่ดึงดูดเม็ดเงินจากสถาบัน ก็ได้สร้างพลวัตใหม่ให้กับตลาด เขากล่าวว่า สิ่งนี้ช่วยลดความสำคัญของพฤติกรรมแบบวัฏจักรเดิมที่ขับเคลื่อนด้วยนักลงทุนรายย่อย
แม้ว่ายังมีนักลงทุนบางส่วนที่ยึดมั่นในแนวคิดว่า ‘การลดรางวัลบล็อก (halving)’ จะกระตุ้นขาขึ้นเสมอ แต่มีผู้เชี่ยวชาญจำนวนมากขึ้นที่เริ่มหันมาใช้ *การวิเคราะห์มหภาคเพื่อหาปัจจัยแท้จริงที่เคลื่อนราคาบิตคอยน์* มากกว่าการยึดติดกับแกนเวลาหรือวัฏจักรแบบเดิม ความเห็นร่วมกันสะท้อนว่า *นโยบาย, สภาพคล่อง, และโครงสร้างเศรษฐกิจ* ล้วนมีบทบาทสำคัญกว่าเวลาที่กำหนดไว้ล่วงหน้าแล้ว
ความคิดเห็น 0