ปี 2025 ถูกบันทึกว่าเป็น *ปีที่มีความเสียหายจากการโจมตีในโลกคริปโตสูงที่สุดในประวัติศาสตร์* โดยเพียงแค่ในช่วงครึ่งปีแรก (มกราคม - มิถุนายน) มูลค่าความเสียหายจากการแฮกและการฉ้อโกงก็ทะลุ 2.4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 3.3 หมื่นล้านบาท) ไปแล้ว ซึ่งสูงกว่ายอดรวมทั้งปี 2024 เป็นที่เรียบร้อย นี่แสดงให้เห็นว่า ปีนี้อาจกลายเป็น *ปีที่เลวร้ายที่สุดในแง่ความปลอดภัยของคริปโต* ภายในเวลาเพียง 6 เดือน
รายงานจากบริษัทด้านความปลอดภัยระบุว่า มี *เหตุการณ์ละเมิดความปลอดภัยมากกว่า 300 กรณี* ในช่วงเวลาดังกล่าว โดยหนึ่งในเหตุการณ์ใหญ่คือการแฮกกระดานแลกเปลี่ยนคริปโต ‘Bybit’ ซึ่งเชื่อว่าอยู่เบื้องหลังโดยกลุ่มแฮกเกอร์จากเกาหลีเหนือ อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่า การให้ความสำคัญเฉพาะคดีใหญ่นี้อาจทำให้มองข้าม *ช่องโหว่ความปลอดภัยรายวัน* ที่กำลังสร้างผลกระทบอย่างรุนแรงเช่นกัน
จากข้อมูลพบว่า *ฟิชชิ่ง, ลายเซ็นอันตราย และบัญชีปลอมที่อ้างเป็นฝ่ายบริการลูกค้า* คือรูปแบบการโจมตีที่พบได้บ่อยที่สุด แม้จะดูเป็นวิธีการเล็กน้อยและแยบยล แต่กลับสะสมความเสียหายได้มากกว่าการโจมตีระดับใหญ่เสียอีก หลายกรณีเกิดจากการคลิกลิงก์หรือเซ็นธุรกรรมโดยไม่ไตร่ตรองของผู้ใช้ นำไปสู่การสูญเสียทรัพย์สินจำนวนมหาศาลในพริบตา
ทั้งนี้ วิธีป้องกันไม่ได้ซับซ้อนอย่างที่คิด โดย ‘ผู้เชี่ยวชาญแนะนำ’ ให้:
- เปิดใช้งานระบบ ‘ยืนยันตัวตนแบบสองขั้นตอน’ (2FA) อย่างเคร่งครัด
- ตรวจสอบข้อความก่อนทำการลงลายมือชื่อในธุรกรรมทุกครั้ง
- แยกใช้ ‘วอลเล็ตร้อน’ และ ‘วอลเล็ตเย็น’
- ดำเนินธุรกรรมผ่านอุปกรณ์ที่สะอาดและไม่มีความเสี่ยงจากมัลแวร์
นอกจากนี้ ‘แผนสำรอง’ ก็มีความสำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน เช่น เครื่องมือสำหรับเพิกถอนสิทธิ์แบบทันที, ช่องทางติดต่อเพื่อแจ้งเหตุและขอความช่วยเหลือ, ไปจนถึงช่องทางการรายงานความเสียหาย
ตัวเลขที่พุ่งสูงในช่วงครึ่งปีแรกของปีนี้คือ *สัญญาณเตือนไม่ให้ละเลยภัยไซเบอร์* โดยเฉพาะเมื่อภัยเหล่านี้ไม่ได้มาจากการเปลี่ยนแปลงนโยบายระดับมหภาค เช่น ‘นโยบายส่งเสริมคริปโตของทรัมป์’ เท่านั้น แต่ยังมาจากพฤติกรรมประจำวันของผู้ใช้งานเองอีกด้วย ในช่วงเวลาที่เหลือของปี 2025 การทบทวนมาตรการความปลอดภัยอย่างเข้มงวดจึงเป็นภารกิจเร่งด่วนที่ไม่ควรถูกมองข้าม
ความคิดเห็น 0