บิตคอยน์(BTC) ร่วงต่ำกว่า 90,000 ดอลลาร์ ท่ามกลางแรงเทขายรุนแรงในตลาด หลังจากที่ประธานาธิบดีทรัมป์ประกาศนโยบายภาษีการค้าระหว่างประเทศฉบับใหม่เมื่อวันที่ 25 สร้างความกังวลให้กับนักลงทุน โดยเฉพาะมาตรการเก็บภาษี 25% สำหรับแคนาดาและเม็กซิโก ซึ่งส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นในตลาด ทำให้ไม่เพียงแต่บิตคอยน์เท่านั้น แต่ยังรวมถึงอีเธอเรียม(ETH), โซลานา(SOL) และริปเปิล(XRP) ต่างปรับตัวลดลงตามไปด้วย
นักวิเคราะห์ชี้ว่าการเข้ามาของนักลงทุนสถาบันเริ่มชะลอตัวลง แม้ว่าบริษัทใหญ่อย่างไมโครสตราเทจี(MicroStrategy) จะยังคงเดินหน้าซื้อบิตคอยน์ แต่เนื่องจากกลยุทธ์ระดมทุนผ่านพันธบัตรที่อิงกับหุ้นเริ่มถึงขีดจำกัด ทำให้โอกาสในการซื้อต่อเนื่องลดลง ประกอบกับนักลงทุนระยะยาวและผู้ถือครองรายใหญ่ (Whale) กำลังเฝ้าระวังความผันผวน และบางส่วนเริ่มทยอยขายทำกำไร
นักเทรดที่มุ่งหวังการเก็งกำไรระยะสั้นได้รับผลกระทบหนักจากการร่วงของตลาดในครั้งนี้ โดยในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา มูลค่าการบังคับปิดสถานะ (liquidation) พุ่งขึ้นถึง 1.34 พันล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 1.93 ล้านล้านวอน ขณะที่นักลงทุนรายใหญ่รายหนึ่งถูกปิดสถานะ Long คิดเป็นมูลค่ากว่า 20.8 ล้านดอลลาร์ หรือราว 30,000 ล้านบาท
ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่าบิตคอยน์อาจลดลงไปอยู่ในช่วง 83,000-87,000 ดอลลาร์ ก่อนที่จะเกิดสัญญาณฟื้นตัว อย่างไรก็ตาม หากปริมาณการซื้อขายเพิ่มขึ้น อาจกระตุ้นให้เกิดแรงซื้อกลับ ซึ่งอาจกลายเป็นสัญญาณของการกลับตัว ดังนั้น ตัวแปรสำคัญที่จะบ่งชี้ทิศทางของตลาดในระยะสั้น คือปริมาณการซื้อขายในช่วงต่อไป
ในอีกมุมมองหนึ่ง ผู้เชี่ยวชาญบางส่วนมองว่าความเป็นไปได้ที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) จะปรับนโยบายอัตราดอกเบี้ยในช่วงครึ่งปีหลัง รวมถึงมาตรการรักษาเสถียรภาพของเศรษฐกิจมหภาค อาจส่งผลบวกต่อคริปโต โดยเฉพาะหากเฟดเลือกใช้นโยบายกระตุ้นสภาพคล่อง ซึ่งสามารถเป็นปัจจัยเร่งให้ตลาดคริปโตฟื้นตัวได้อย่างมีนัยสำคัญ
ความคิดเห็น 0