อัตราแฮชของเครือข่าย ‘บิตคอยน์(BTC)’ ร่วงลงอย่างหนัก ทำให้เกิดความกังวลในอุตสาหกรรมการขุด ตามสถิติล่าสุด แฮชเรตรายเฉลี่ย 30 วันของบิตคอยน์ปรับตัวลดลงเหลือ 807.26M TH/s จากระดับ 997.4M TH/s เมื่อเดือนที่แล้ว ซึ่งเป็นการลดลงครั้งใหญ่ เหตุการณ์นี้ถูกเปรียบเทียบกับการปรับฐานครั้งสำคัญในอดีต เช่น คำสั่งห้ามการขุดของจีนในปี 2021 และการปรับลดของตลาดในเดือนเมษายน 2024 ซึ่งดึงดูดความสนใจของนักลงทุน
แม้อัตราแฮชจะร่วงลง แต่ ‘ค่าความยาก’ ของเครือข่ายยังคงอยู่ในระดับสูง ทำให้การปรับลดอาจไม่เกิดขึ้นในทันที นักวิเคราะห์ด้านคริปโต ‘มาร์ทุน(Maartunn)’ อธิบายว่า “แฮชเรตที่ลดลงส่งผลให้การสร้างบล็อกชะลอตัว และเราจะได้เห็นการปรับความยากใหม่ในอีกประมาณ 2 สัปดาห์ หรือทุก ๆ 2,016 บล็อก” ซึ่งสะท้อนถึงกลไกการปรับตัวเองของบิตคอยน์ที่ยังคงทำงานได้อย่างมีเสถียรภาพ
การลดลงของแฮชเรตยังเชื่อมโยงกับ ‘ราคาของบิตคอยน์’ โดยล่าสุดบิตคอยน์ร่วงต่ำกว่า $87,000 หรือราว 1,252.8 ล้านบาท ลดลงมากกว่า 10% ภายใน 24 ชั่วโมง ปรากฏว่ามีนักลงทุนจำนวนมากที่กำลังขาดทุน โดยข้อมูลจาก IntoTheBlock ระบุว่า 12% ของที่อยู่กระเป๋าบิตคอยน์กำลังอยู่ในภาวะขาดทุน ซึ่งเป็นตัวเลขที่สูงที่สุดนับตั้งแต่เดือนตุลาคม 2024
ตลาด ‘ETF บิตคอยน์แบบสปอต’ ในสหรัฐฯ ก็กำลังเผชิญกับภาวะไหลออกของเงินทุนอย่างหนัก เมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ มีการไหลออกของเงินทุนสุทธิมากถึง 516 ล้านดอลลาร์ หรือราว 7,430 ล้านบาท ซึ่งเป็นการลดลงต่อเนื่องเป็นวันที่ 6 ผู้เชี่ยวชาญชี้ว่าสาเหตุหลักมาจากความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน รวมถึงนโยบายภาษีของ ‘ทรัมป์’ โดย ‘QCP Capital’ ระบุว่า “รัฐบาลทรัมป์ที่เพิ่มมาตรการเก็บภาษีนำเข้าจากแคนาดาและเม็กซิโก รวมถึงจำกัดการลงทุนจากจีน ได้ทำให้ตลาดเกิดความไม่แน่นอนเพิ่มขึ้น”
อย่างไรก็ตาม ตลาดการเงินหลักยังคงมีเสถียรภาพมากกว่าบิตคอยน์ โดยตลาดหุ้น, พันธบัตร และทองคำ มีความผันผวนที่ต่ำกว่าเมื่อเทียบกัน ‘QCP Capital’ วิเคราะห์ว่า “ความต้องการบิตคอยน์จากสถาบันการลงทุนกำลังเป็นตัวขับเคลื่อนหลัก โดยบริษัทอย่าง ‘ไมโครสแตรจี’ เคยใช้หุ้นกู้แปลงสภาพเพื่อระดมทุน แต่หากราคาบิตคอยน์นิ่งยาว อาจส่งผลให้ความต้องการจากนักลงทุนสถาบันลดลง”
แม้ว่าผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงอัตราแฮชต่อแนวโน้มระยะยาวของบิตคอยน์จะยังไม่แน่ชัด แต่ในระยะสั้น สิ่งนี้จะเป็นปัจจัยสำคัญที่กระทบต่อความสามารถในการสร้างรายได้ของนักขุด และเสถียรภาพของเครือข่าย ทั้งนี้ ความเคลื่อนไหวของ ‘การปรับค่าความยาก’ ครั้งต่อไป อาจเป็นปัจจัยสำคัญต่อการฟื้นตัวของตลาด
ความคิดเห็น 0