บิตคอยน์(BTC) ร่วงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 3 เดือน ท่ามกลางความไม่แน่นอนของตลาด สาเหตุหลักมาจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกและนโยบายภาษีศุลกากรของประธานาธิบดีทรัมป์ ซึ่งส่งผลต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุน
ระหว่างวันที่ 24-25 กุมภาพันธ์ ราคาบิตคอยน์ลดลงอย่างรวดเร็วจาก 95,930 ดอลลาร์ เหลือ 86,010 ดอลลาร์ คิดเป็นการปรับตัวลง 10.7% ส่งผลให้มีการชำระบัญชีสถานะการลงทุนแบบใช้เลเวอเรจสูงถึง 760 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 1.09 แสนล้านบาท) ทำให้ตลาดคริปโตสั่นคลอน
การประกาศของทรัมป์เกี่ยวกับแผนเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากแคนาดาและเม็กซิโกตั้งแต่เดือนมีนาคม ยิ่งเพิ่มความกังวลต่อภาวะเศรษฐกิจโลก โดยผลกระทบดังกล่าวสะท้อนให้เห็นผ่านอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีที่ลดลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 3 เดือน รวมถึงดัชนีค่าเงินดอลลาร์ (DXY) ที่อ่อนค่าลง เอลิอัส ฮาดัด นักกลยุทธ์จาก Brown Brothers Harriman ให้ความเห็นว่า “สัญญาณเตือนเกี่ยวกับเศรษฐกิจสหรัฐเริ่มปรากฏให้เห็นแล้ว”
ราคาบิตคอยน์ยังเคลื่อนไหวสอดคล้องกับหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี โดยหุ้นของบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำ เช่น เอนวิเดีย(NVDA), เทสลา(TSLA), พาลันเทียร์(PLTR) และบรอดคอม(AVGO) ต่างปรับตัวลดลงเช่นกัน มาร์ก คัทมอร์ นักวิเคราะห์ด้านเศรษฐศาสตร์มหภาคจาก Bloomberg ระบุว่า “ฝ่ายบริหารชุดใหม่ไม่สามารถตอบโจทย์ความคาดหวังของตลาดที่ต้องการนโยบายส่งเสริมการเติบโตทางเศรษฐกิจ อีกทั้งยังส่งผลลบต่อแนวโน้มเศรษฐกิจในระยะยาว”
อีกปัจจัยหนึ่งที่ส่งผลกระทบต่อราคาบิตคอยน์คือ ค่าปรับ 500 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 7.2 หมื่นล้านบาท) ที่แพลตฟอร์ม OKX ต้องจ่ายให้กระทรวงยุติธรรมสหรัฐจากข้อหาละเมิดกฎระเบียบต่อต้านการฟอกเงิน (AML) การดำเนินการทางกฎหมายนี้ทำให้ความเชื่อมั่นของนักลงทุนสถาบันที่มีต่ออุตสาหกรรมคริปโตลดลง
แม้ว่าราคาบิตคอยน์จะร่วงแรง แต่ผู้เชี่ยวชาญมองว่าความเสี่ยงในการปรับตัวลงต่ำกว่า 86,000 ดอลลาร์ยังค่อนข้างจำกัด เนื่องจากรัฐบาลหลายประเทศกำลังพิจารณามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ หากแนวโน้มเศรษฐกิจยังคงซบเซา อุปทานที่จำกัดของบิตคอยน์และคุณสมบัติ ‘ต้านการเซ็นเซอร์’ อาจได้รับความสนใจมากขึ้น อย่างไรก็ตาม ราคาจะสามารถฟื้นตัวกลับไปที่เหนือ 95,000 ดอลลาร์ได้เมื่อใดยังเป็นเรื่องที่ต้องจับตา
ความคิดเห็น 0