เมื่อวันที่ 25 (เวลาท้องถิ่น) ราคาหุ้นของบริษัท ไซเฟอร์ ไมนิง(CIFR) ซึ่งเป็นบริษัทขุดคริปโตเคอร์เรนซี ลดลง 17.4% สาเหตุหลักมาจากรายงานผลประกอบการประจำปีที่เปิดเผยว่า 'ขาดทุนจากการดำเนินงาน' เพิ่มขึ้นมากกว่าสองเท่าจากปีก่อน
ตามรายงานผลประกอบการไตรมาส 4 และผลประกอบการประจำปี 2024 ของไซเฟอร์ ไมนิง รายได้ต่อปีเพิ่มขึ้น 19% เมื่อเทียบกับปีก่อน มาอยู่ที่ 151 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 5,474 ล้านบาท) อย่างไรก็ตาม บริษัทกลับมี 'ขาดทุนจากการดำเนินงาน' มากถึง 43.7 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 1,584 ล้านบาท) ซึ่งเป็นตัวเลขที่เพิ่มขึ้นจาก 20.1 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 729 ล้านบาท) ในปี 2023 มากกว่าสองเท่า
การเพิ่มขึ้นของตัวเลขขาดทุนส่วนหนึ่งเกิดจากการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานและการขยายกำลังการขุดอย่างต่อเนื่อง ไซเฟอร์ ไมนิง ได้เพิ่มแฮชเรตของตนเป็น 13.5 EH/s (เอกซาแฮช) อัปเกรดศูนย์ขุดที่เมืองโอเดสซา รัฐเท็กซัส พร้อมทั้งเข้าซื้อศูนย์ข้อมูลใหม่ขนาด 100 เมกะวัตต์ นอกจากนี้ บริษัทยังซื้อที่ดินขนาด 337 เอเคอร์ (ประมาณ 1.36 ล้านตารางเมตร) ใกล้ทะเลสาบบาร์เบอร์ รัฐเท็กซัส เพื่อรองรับการขยายตัวต่อไป
ไทเลอร์ เพจ(Tyler Page) ซีอีโอของไซเฟอร์ ไมนิง ระบุว่า “เราเดินหน้าขยายธุรกิจตามแผนที่วางไว้ในไตรมาสที่ 4 และโครงการ 'แบล็ก เพิร์ล(Black Pearl)' ระยะที่ 1 กำลังจะแล้วเสร็จ” โดยไซต์ขุดแบล็ก เพิร์ล คาดว่าจะเริ่มดำเนินการได้ภายในไตรมาสที่ 2 ปีนี้
อย่างไรก็ตาม แม้บริษัทจะมีวิสัยทัศน์ในการเติบโต แต่บรรดานักลงทุนกลับตอบสนองอย่างเย็นชา ราคาหุ้นของไซเฟอร์ ไมนิง (CIFR) ปิดตลาดที่ 4.10 ดอลลาร์ ในวันที่ 25 และดีดตัวขึ้น 2.2% สู่ระดับ 4.19 ดอลลาร์ ในการซื้อขายนอกเวลาทำการ แม้จะร่วงต่ำสุดในรอบปี แต่หากนับในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา ราคาหุ้นยังคงเพิ่มขึ้นราว 20%
ในขณะเดียวกัน บริษัทขุดคริปโตและผู้ให้บริการศูนย์ข้อมูลรายใหญ่อย่าง มาราธอน ดิจิทัล(Marathon Digital) และ คอร์ ไซแอนทิฟิก(Core Scientific) มีกำหนดเปิดเผยรายงานผลประกอบการในวันที่ 26
ความคิดเห็น 0