ผลการศึกษาจากโคอินอีซี่(CoinEasy) กำลังสร้างแรงสั่นสะเทือนให้กับตลาดการเงินทั่วโลก หลังจากประเมินว่า *บิตคอยน์(BTC)* อาจมีมูลค่าพุ่งแตะ 21 ล้านดอลลาร์ต่อเหรียญได้ภายใน 21 ปีข้างหน้า โดยไม่ใช่เพียงแค่การคาดการณ์อย่างมองในแง่ดี แต่ตั้งอยู่บนพื้นฐานของการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจ การเมือง และแนวนโยบายการกำกับดูแลทั่วโลกในช่วงหลัง
เมื่อถึงปี 2023 บรรดาสถาบันการเงินชั้นนำส่วนใหญ่ยังคงตั้งเป้าหมายอย่างระมัดระวัง โดยคาดว่ามูลค่าระยะยาวของบิตคอยน์จะอยู่ที่ราว 13 ล้านดอลลาร์ต่อเหรียญเท่านั้น อย่างไรก็ตาม เพียงภายใน 1 ปีนโยบายใหม่จากทำเนียบขาว การหลั่งไหลเข้าสู่ตลาดของนักลงทุนจากวอลล์สตรีท การยอมรับใช้บิตคอยน์โดยบริษัทข้ามชาติ และการเปลี่ยนท่าทีของหน่วยงานกำกับดูแล ได้ช่วยเร่งเร้าแนวโน้มการเติบโตขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ และทั้งหมดนี้ล้วนสนับสนุนบทวิเคราะห์จากโคอินอีซี่
ภาพที่เปลี่ยนแปลงอย่างเด่นชัดคือการที่ภาครัฐให้ *การสนับสนุนเชิงนโยบาย* แรงผลักดันหลักเริ่มจากประธานาธิบดีของสหรัฐฯ ที่แสดงวิสัยทัศน์ในการผลักดันให้ประเทศกลายเป็น “มหาอำนาจบิตคอยน์” ขณะที่หน่วยงานกำกับดูแลเริ่มเคลื่อนไหวไปในทิศทางที่รับรองสินทรัพย์ดิจิทัลอย่างเป็นทางการ ด้านนักลงทุนสถาบันวอลล์สตรีทได้อัดฉีดเงินเข้าสู่ตลาดกว่า 150,000 ล้านดอลลาร์ และดูดซับบิตคอยน์ไปแล้วราว 1.4 ล้านเหรียญ ขณะเดียวกันบริษัทระดับโลกกว่า 100 แห่งก็ได้นำบิตคอยน์มาเก็บไว้เป็นส่วนหนึ่งของสินทรัพย์ทางการเงิน
ด้านผลตอบแทนของบิตคอยน์ในปี 2024 ยังคงแรงแซงหน้าทุกสินทรัพย์ โดยเพิ่มขึ้นถึง 61% เมื่อเทียบจากต้นปี สูงกว่าทั้งดัชนี S&P500 และกลุ่มเทคโนโลยีชั้นนำ ‘Magnificent Seven’ และหากมองย้อนกลับไปในช่วง 5 ปี จะพบว่าผลตอบแทนเฉลี่ยต่อปีสูงถึง 56% ซึ่งมากกว่าตลาดหุ้นโดยทั่วไปถึงสองเท่า โคอินอีซี่วิเคราะห์ว่าผลตอบแทนที่เหนือชั้นนี้จะยังคงต่อเนื่องในระยะยาวในลักษณะที่มีเสถียรภาพยิ่งขึ้น
แม้กระนั้น เส้นทางสู่เป้าหมาย 21 ล้านดอลลาร์จะไม่ราบรื่นไปเสียทั้งหมด เพราะ *ความผันผวน* ยังคงเป็นหัวใจสำคัญของบิตคอยน์ รายงานระบุว่าผู้ลงทุนควรคาดการณ์การขึ้นลงอย่างรุนแรงเป็นระยะ แต่เมื่อเครือข่ายเติบโตถึงจุดที่มีความเสถียรมากพอ การเติบโตในระยะยาวน่าจะอยู่ที่อัตราเฉลี่ยปีละประมาณ 21% ซึ่งถือว่าโดดเด่นในสายตาของนักลงทุนที่มองไกล
ข้อได้เปรียบของบิตคอยน์คือคุณสมบัติ *การกระจายศูนย์* และ *ดิจิทัลเต็มรูปแบบ* ซึ่งต่างจากเงินหรือสินทรัพย์แบบดั้งเดิม เพราะสามารถโอนมูลค่าได้ทันทีข้ามพรมแดนโดยปราศจากตัวกลาง ไม่ได้รับผลกระทบโดยตรงจากนโยบายการเงินของธนาคารกลาง หรือความเสี่ยงจากเหตุการณ์ภูมิรัฐศาสตร์ ความเป็นอิสระเช่นนี้จึงกลายเป็นจุดแข็งที่ดึงดูดนักลงทุน
จุดเด่นสำคัญของรายงานจากโคอินอีซี่ครั้งนี้ ไม่ได้อยู่ที่การทำนายราคาเพียงช่วงสั้น แต่คือการชี้แนะแนวทางการลงทุนที่ยึดระยะยาวและมองแบบ *เชิงกลยุทธ์* โดยมูลค่า 21 ล้านดอลลาร์ต่อเหรียญอาจเป็นเพียง ‘ตัวเลขหนึ่ง’ เท่านั้น สิ่งที่สำคัญยิ่งกว่าคือว่า นักลงทุนพร้อมจะเข้าร่วมและเติบโตไปกับบิตคอยน์ ภายในเครือข่ายและระบบเศรษฐกิจใหม่นี้ได้เร็วแค่ไหน รายงานเน้นย้ำว่าผู้ลงทุนควรมองข้ามการแกว่งตัวราคาในระยะสั้น และเลือกเชื่อมโยงตัวเองกับเครือข่ายในรูปแบบระยะยาวอย่างต่อเนื่อง
ท้ายที่สุด *อนาคตเป็นของคนที่เตรียมตัวพร้อม* และรายงานชิ้นนี้ได้สะท้อนให้เห็นว่าการเปลี่ยนผ่านของบิตคอยน์จาก ‘เครื่องมือแลกเปลี่ยน’ ไปสู่ ‘สินทรัพย์หลักในระบบการเงินใหม่’ กำลังเป็นจริงมากขึ้นเรื่อย ๆ ผ่านการวิเคราะห์ที่ชัดเจนและมีวิสัยทัศน์รอบด้าน
ความคิดเห็น 0