ธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด)ได้ประกาศปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% หรือ 25 จุดพื้นฐาน และยุติแผนการลดขนาดงบดุลอย่างเป็นทางการ ซึ่งนับเป็นการสิ้นสุดมาตรการ *คุมเข้มเชิงปริมาณ (QT)* ท่ามกลางกระแสคาดการณ์ว่าเฟดจะเริ่มกลับเข้าสู่แนวทางการผ่อนคลายนโยบายการเงินอีกครั้ง โดยบางรายงานวิเคราะห์ว่า การเคลื่อนไหวครั้งนี้จะเอื้อต่อการอัดฉีด *สภาพคล่อง* กลับสู่ระบบผ่านทางการลงทุนซ้ำในพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐระยะสั้น (*T-bill*)
การตัดสินใจในครั้งนี้ ยังหมายความว่าการปรับลดงบดุลของเฟดจะหยุดลงโดยพฤตินัยตั้งแต่เดือนธันวาคม ซึ่งตลาดมองว่าเป็นสัญญาณของการสิ้นสุด *QT* และเป็นอีกหนึ่งพัฒนาการที่สะท้อนถึงท่าที *ผ่อนคลาย* มากขึ้นของเฟดในระยะต่อไป แม้มาตรการดังกล่าวจะถือเป็นผลบวกต่อภาพรวมของตลาดการเงิน แต่ในตลาด *คริปโตเคอร์เรนซี* ความเคลื่อนไหวยังไม่เป็นไปในทิศทางเดียวกัน
*บิตคอยน์(BTC)* ร่วงลงหลังจากข่าวนี้เผยแพร่ โดยราคาลดลง 3.67% มาอยู่ที่ 107,925 ดอลลาร์ (ประมาณ 1,079.2 ล้านบาท) สาเหตุของการปรับตัวลง แม้จะมีข่าวดีจากเฟด มาจาก *แรงขายทำกำไร* หลังราคาพุ่งขึ้นก่อนหน้า และมุมมองว่าแนวโน้มขาขึ้นเริ่มอิ่มตัว ทำให้เกิดการปรับฐานระยะสั้น
นักวิเคราะห์ตลาดมองว่าการดำเนินนโยบายในครั้งนี้อาจเป็นผลดีในระยะยาวต่อสินทรัพย์เสี่ยง ไม่เว้นแม้แต่ *คริปโต* โดยเฉพาะกลุ่มนักลงทุนฝั่ง *ขาขึ้น* ที่มองว่าการเพิ่มขึ้นของสภาพคล่องจะเป็นปัจจัยขับเคลื่อนให้บิตคอยน์อาจพุ่งไปแตะระดับ 180,000 ดอลลาร์ (ราว 1.8 ล้านบาท) ได้ในไม่ช้า อย่างไรก็ตาม ก็ยังมีความเห็น *ระมัดระวัง* จากอีกด้าน ที่ชี้ว่าความไม่แน่นอนของ *เงินเฟ้อ* และทิศทางดอกเบี้ยในอนาคตยังคงเป็นความเสี่ยงที่ไม่ควรมองข้าม
*ความคิดเห็น*: การที่สหรัฐประกาศยุติ *QT* ถือเป็นปัจจัยเชิงบวกต่อสินทรัพย์เสี่ยง ทั้งตลาดหุ้นและ *คริปโต* ที่อ่อนไหวต่อทิศทางสภาพคล่อง อย่างไรก็ตาม ความคาดหวังเรื่องการลดดอกเบี้ยอาจถูกสะท้อนในราคาไปล่วงหน้าแล้ว จึงไม่แปลกที่ราคาจะ *พักตัว* ระยะสั้น ทั้งนี้ ควรจับตาว่าความเคลื่อนไหวของประธานาธิบดีทรัมป์ในศึกเลือกตั้ง รวมถึงแนวทางนโยบายการเงินของสหรัฐจะเปลี่ยนแปลงอย่างไรต่อไปในปีนี้
ความคิดเห็น 0