เอเวอร์นอร์ธ(Evernorth) บริษัทจัดการสินทรัพย์ดิจิทัลในสหรัฐฯ ที่เน้นลงทุนในริปเปิล(XRP) กำลังเผชิญกับความสูญเสียครั้งใหญ่ภายหลังราคาคริปโตปรับตัวลดลงอย่างรุนแรง โดยข้อมูลล่าสุดระบุว่า พอร์ต XRP ของบริษัทมีมูลค่าลดลงถึงประมาณ 78 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 1,038 ล้านบาท ภายในเวลาเพียง 3 สัปดาห์หลังการเปิดตัวผลิตภัณฑ์การลงทุน
ตามรายงานของบริษัทวิเคราะห์ข้อมูลบล็อกเชน คริปโตควอนต์(CryptoQuant) เอเวอร์นอร์ธกำลังเผชิญกับ‘ขาดทุนที่ยังไม่รับรู้’(Unrealized Loss)จากการที่มูลค่า XRP ที่ถืออยู่ร่วงต่ำลงอย่างมีนัยยะ โดยเมื่อวันที่ 4 พฤศจิกายนที่ผ่านมา บริษัทเพิ่งประกาศว่า ได้ทำการซื้อ XRP เพิ่มเติมอีกมูลค่า 214 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 2,849 ล้านบาท ซึ่งส่งผลให้จำนวน XRP ที่ถืออยู่และเตรียมจะซื้อรวมทั้งสิ้นสูงถึง 473 ล้านเหรียญ
อย่างไรก็ตาม ราคาของริปเปิลกลับปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่องจนแตะระดับต่ำสุดที่ 2.16 ดอลลาร์ต่อเหรียญ โดยลดลงมากกว่า 40% จากจุดสูงสุดที่ผ่านมา ส่งผลให้ XRP ราว 388.7 ล้านเหรียญที่เอเวอร์นอร์ธถืออยู่ มีมูลค่าตลาดเหลือเพียงประมาณ 947 ล้านดอลลาร์ หรือราว 12,598 ล้านบาท ซึ่งน้อยกว่าราคาซื้อเดิมอยู่ราว 79 ล้านดอลลาร์ หรือ 1,051 ล้านบาท
เอเวอร์นอร์ธดำเนินธุรกิจในฐานะบริษัทบริหารสินทรัพย์ดิจิทัลที่นำ XRP มาใช้เป็นสินทรัพย์สำรองในระยะยาวให้กับกลุ่มลูกค้ารายใหญ่ เช่น บรรษัทและนักลงทุนสถาบัน โดยมีผู้ลงทุนรายสำคัญอย่างบริษัทริปเปิล และบริษัทการเงินยักษ์ใหญ่จากญี่ปุ่นอย่าง SBI โฮลดิงส์ นอกจากนี้ยังอยู่ระหว่างการระดมทุนผ่านการควบรวมกิจการกับอามาดา(Amarda) มูลค่ารวมกว่า 1 พันล้านดอลลาร์ หรือราว 1.33 หมื่นล้านบาท
ความเคลื่อนไหวล่าสุดนี้ ทำให้นักวิเคราะห์บางส่วนเริ่มตั้งคำถามถึง*ความยั่งยืน*ของโมเดลการจัดการทรัพย์สินที่มุ่งเน้นเหรียญเดียว นั่นคือ XRP โดยคริปโตควอนต์ยังเปิดเผยเพิ่มเติมว่า บริษัทอื่นๆ ที่ใช้คริปโตเป็นกลยุทธ์การเงิน เช่น บิตคอยน์(BTC) ก็ไม่ได้หลีกเลี่ยงความเสียหาย โดยหุ้นของสตราเทจี้(Strategy) ซึ่งเน้นบิตคอยน์ ปรับตัวลดลง 53% ขณะที่เมต้าแพลนเน็ตจากญี่ปุ่นขาดทุนแล้วยังไม่รับรู้ถึง 120 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 1,596 ล้านบาท และบริษัทจากสหรัฐฯ อย่างบิทไมน์ สูญเสียไปแล้วถึง 2.1 พันล้านดอลลาร์ หรือราว 2.79 หมื่นล้านบาท
ขณะเดียวกัน บริษัทร่วมลงทุนชื่อ เคอร์ริสเดล แคปิตัล(Kerrisdale Capital) ได้เริ่ม*ขายชอร์ต*ตำแหน่งของบิทไมน์ ตั้งแต่เดือนตุลาคมที่ผ่านมา โดยเน้นไปที่ความเสี่ยงของกลยุทธ์ที่โฟกัสไปที่อีเธอเรียม(ETH)
กรณีของเอเวอร์นอร์ธจึงกลายเป็นตัวอย่างเด่นชัดของ*ความเสี่ยงเชิงระบบ*ที่อาจเกิดขึ้นจากการพึ่งพาเหรียญใดๆ เป็นหลักในการบริหารการเงิน สำหรับบริษัทที่ใช้กลยุทธ์ลักษณะคล้ายกัน ความผันผวนของราคาคริปโต โดยเฉพาะ XRP จะเป็นปัจจัยกำหนดทิศทางที่สำคัญในอนาคต
ความคิดเห็น 0