บิตคอยน์(BTC) ร่วงกลับสู่ระดับราคาใกล้เคียงเมื่อเดือนเมษายน อยู่ที่ราว 83,000 ดอลลาร์ (ประมาณ 1.1 ล้านบาท) สะท้อนแรงขายที่กลับมาครอบงำตลาดอีกครั้ง หลังจากที่ราคาพุ่งอย่างรวดเร็วในช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา นักลงทุนจำนวนมากเริ่มเทขายตัดขาดทุน ทำให้สถานการณ์ในตลาดมีลักษณะคล้ายกับช่วงวิกฤตของ FTX ในปี 2022
เมื่อวันที่ 24 แพลตฟอร์มวิเคราะห์ข้อมูลบล็อกเชนอย่าง Glassnode เปิดเผยว่ามูลค่าการขาดทุนที่ได้รับการยืนยันจากการขายบิตคอยน์ในราคาที่ต่ำกว่าราคาซื้อ หรือ ‘การขาดทุนที่รับรู้แล้ว’ ได้พุ่งสูงถึงระดับสูงสุดนับตั้งแต่วิกฤต FTX โดยระบุว่า “ระดับและความเร็วของการขาดทุนสะท้อนถึงแรงหนีที่แท้จริงของความต้องการลงทุนจากนักลงทุนกลุ่มใหม่ที่เพิ่งเข้าสู่ตลาด” พร้อมเสริมว่าผู้ถือครองระยะสั้นจำนวนหนึ่งไม่สามารถทนต่อแนวโน้มขาลงได้ และตัดสินใจขายอย่างเร่งด่วนในทันที
หลังรายงานนี้เผยแพร่ ราคาบิตคอยน์ตามข้อมูลจาก Coinbase ร่วงลงแตะระดับ 80,500 ดอลลาร์ (ประมาณ 1.075 ล้านบาท) ลดลงประมาณ 36% จากจุดสูงสุดเดิมเมื่อไม่กี่สัปดาห์ก่อนที่ระดับ 126,210 ดอลลาร์ (ประมาณ 1.63 ล้านบาท)
Glassnode ยังชี้ว่า แรงกดดันหลักที่ทำให้ราคาดิ่งลงรุนแรงในครั้งนี้ มาจาก ‘การยอมจำนนของผู้ถือครองระยะสั้น’ โดยนักลงทุนที่เพิ่งเข้ามาถือครองบิตคอยน์ในช่วงไม่นานนี้เริ่มเทขายอย่างรุนแรง เนื่องจากไม่สามารถรับมือกับความผันผวนชั่วคราวได้ ทำให้ตลาดยิ่งรับแรงกระแทกมากขึ้น
ในทิศทางเดียวกัน แพลตฟอร์มวิเคราะห์ข้อมูลคริปโต CryptoQuant ระบุว่า “แม้การยอมจำนนของผู้ถือครองระยะสั้นมักทำให้เกิดจุดกลับตัว แต่หากราคาฟื้นกลับไปยังต้นทุนเฉลี่ยของการซื้อไม่ได้ในระยะเวลาสั้น เทรนด์ขาลงจะยิ่งชัดเจนและต่อเนื่อง” เป็นการเตือนว่าหากบิตคอยน์ไม่สามารถกลับไปยืนเหนือแนวรับได้ อาจนำไปสู่ตลาดหมีเต็มตัว
จุดสำคัญที่นักลงทุนต้องจับตามองในระยะนี้ คือการที่แรงขายระยะสั้นจะคลายตัวเร็วเพียงใด และมีแรงซื้อใหม่พร้อมเข้ามาประกบหรือไม่ โดยเฉพาะในช่วงที่ความเชื่อมั่นของนักลงทุนหน้าใหม่เริ่มสั่นคลอน การฟื้นตัวของบิตคอยน์จากระดับปัจจุบันจึงเป็นจุดสำคัญในการกำหนดแนวโน้มระยะกลางถึงยาวของตลาด
‘คำสำคัญ’ ในข่าวนี้ ได้แก่ บิตคอยน์(BTC), การขาดทุนที่รับรู้แล้ว, ผู้ถือครองระยะสั้น และ การยอมจำนนของนักลงทุน ซึ่งสะท้อนถึงภาวะไม่มั่นคงของตลาดคริปโตในช่วงเวลาแห่งความผันผวนนี้ ความคิดเห็นจาก Glassnode และ CryptoQuant ต่างเตือนให้นักลงทุนจับตาแนวรับและความสามารถของราคาในการดีดกลับอย่างใกล้ชิด เพราะอาจเป็นสัญญาณสำคัญของทิศทางในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า
ความคิดเห็น 0