คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์สหรัฐ(SEC) ตัดสินใจถอนฟ้องคดีที่ยื่นฟ้องต่อบริษัทบล็อกเชนซอฟต์แวร์ ‘คอนเซนซิส(Consensys)’ ซึ่งทำให้หลายฝ่ายวิเคราะห์ว่าทิศทางการกำกับดูแลของ SEC อาจกำลังเปลี่ยนแปลง
โจเซฟ ลูบิน(Joseph Lubin) ผู้ก่อตั้งคอนเซนซิสและผู้ร่วมก่อตั้งอีเธอเรียม(ETH) เปิดเผยว่า SEC ได้เริ่มกระบวนการอย่างเป็นทางการเพื่อถอนฟ้องคดีดังกล่าว อย่างไรก็ตาม การตัดสินใจนี้ยังคงต้องผ่านขั้นตอนการอนุมัติภายในของ SEC เขากล่าวเพิ่มเติมว่า "ตอนนี้เราสามารถมุ่งเน้นไปที่การพัฒนาได้อย่างเต็มที่" พร้อมแสดงความเชื่อมั่นว่า "ปี 2025 จะเป็นปีที่ยอดเยี่ยมที่สุดสำหรับอีเธอเรียมและคอนเซนซิส"
คดีดังกล่าวเริ่มขึ้นเมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา โดย SEC อ้างว่าบริการบางส่วนของ ‘เมตามาสก์(MetaMask)’ ซึ่งเป็นกระเป๋าเงินดิจิทัลของคอนเซนซิส เข้าข่ายการขายหลักทรัพย์ที่ไม่มีการจดทะเบียน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง SEC ระบุว่าคอนเซนซิสทำรายได้มากกว่า 250 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 9,000 ล้านบาท) จากบริการ ‘สเตคกิ้ง’ และ ‘สวอปสินทรัพย์ดิจิทัล’ บนแพลตฟอร์มเมตามาสก์
การตัดสินใจล่าสุดสอดคล้องกับแนวโน้มของ SEC ที่เริ่มถอนตัวจากการดำเนินคดีทางกฎหมายต่อบริษัทคริปโตหลายแห่ง ก่อนหน้านี้ SEC ได้ยุติการสอบสวน ‘ยูนิสวอป(Uniswap)’, ‘โรบินฮูด คริปโต(Robinhood Crypto)’ และ ‘เจมิไน(Gemini)’ โดยไม่มีการดำเนินมาตรการเพิ่มเติมใด ๆ
ควรสังเกตว่าคอนเซนซิสเป็นฝ่ายยื่นฟ้อง SEC กลับไปตั้งแต่เดือนเมษายนที่ผ่านมา โดยทีมทนายความของคอนเซนซิสอ้างว่า SEC พยายามจัดประเภทอีเธอเรียมเป็นหลักทรัพย์ ซึ่งเป็นอันตรายต่ออุตสาหกรรมคริปโตทั้งหมด อีกทั้งยังใช้คำพูดของแกรี เกนส์เลอร์(Gary Gensler) ประธาน SEC ในปี 2018 มาเป็นหลักฐานว่า SEC เคยกล่าวว่า ‘อีเธอเรียมไม่ใช่หลักทรัพย์’ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความไม่ต่อเนื่องในจุดยืนของหน่วยงานกำกับดูแล
การตัดสินใจของ SEC ในเดือนมิถุนายนที่ยุติการสอบสวนอีเธอเรียม อาจเกี่ยวข้องโดยตรงกับการดำเนินการทางกฎหมายของคอนเซนซิส นักวิเคราะห์ในอุตสาหกรรมมองว่าการถอนฟ้องครั้งนี้ไม่ใช่แค่การปิดคดีธรรมดา แต่ยังอาจเป็นสัญญาณบ่งบอกถึงการเปลี่ยนแปลงเชิงนโยบายของ SEC อีกด้วย
ความคิดเห็น 0