คริปโตกำลังมีศักยภาพในการ ‘จับมูลค่า’ ได้มากขึ้น โดยแนวโน้มนี้มีโอกาสขับเคลื่อนอย่างจริงจังตั้งแต่ปี 2026 อ้างอิงจากการประเมินของ แมตต์ ฮูแกน(Matt Hougan) ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการลงทุนของบิตไวส์(Bitwaise) ที่เปิดเผยผ่านแพลตฟอร์ม X เมื่อเร็วๆ นี้
ฮูแกนตั้งข้อสังเกตว่า ในช่วงที่ตลาดกำลังเผชิญกับการปรับฐาน มักจะมองข้ามสัญญาณสำคัญบางประการ โดยระบุว่า “สินทรัพย์ดิจิทัลกำลังเข้าสู่ช่วงเปลี่ยนผ่านที่สำคัญในด้านกลไก *การจับมูลค่า (Value Capture)*” ซึ่งเป็นแนวทางที่ช่วยให้ ‘มูลค่าทางเศรษฐกิจ’ ของโทเคนถูกส่งต่อไปยังผู้ถือครองโดยตรง เช่น รายได้จากเครือข่าย, ค่าธรรมเนียมธุรกรรม, หรือรูปแบบรายได้อื่นๆ
เขาอธิบายเพิ่มเติมว่า โทเคนส่วนใหญ่ที่เปิดตัวในอดีต มักออกแบบมาเพื่อเน้น ‘การกำกับดูแล’ แบบรวมศูนย์ โดยหลีกเลี่ยงกลไกการสร้างรายได้เพื่อเลี่ยงปัญหาด้านกฎหมาย แต่ในปัจจุบัน เมื่อกรอบ *กฎระเบียบและข้อบังคับเริ่มชัดเจนมากขึ้น* กลับเป็นโอกาสที่ดีในการออกแบบโครงสร้างโทเคนใหม่ ที่เชื่อมโยงมูลค่าโดยตรงกับผู้ใช้งาน โดยคาดว่าผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงนี้จะเห็นได้ชัดเจนในปี 2026 เป็นต้นไป
แหล่งข่าวในตลาดมองว่า การแก้ไขแนวทางการจำแนกโทเคนของสหรัฐ และการปรับเกณฑ์การพิจารณาโดยสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(SEC) จะเป็นปัจจัยสำคัญในการเร่งกระบวนการนี้ อีกทั้งความเป็นไปได้ที่ทรัมป์จะกลับมาดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีอีกครั้งหลังการเลือกตั้งในปี 2025 ยิ่งส่งเสริมคาดหวัง ‘การผ่อนคลายนโยบาย’ ซึ่งจะช่วยปลดล็อกข้อจำกัดด้านนโยบายเดิม
*ความคิดเห็น*: หากทิศทางนโยบายด้านสินทรัพย์คริปโตของสหรัฐถูกกำหนดอย่างชัดเจนมากขึ้น เช่น การออกกฎหมายกำกับดูแลหรือกรอบความร่วมมือระดับสากล โครงการในอนาคตจะสามารถออกแบบโมเดลเศรษฐกิจที่เอื้อต่อผู้ถือโทเคนได้มากขึ้น โดยไม่ต้องหวั่นเรื่องข้อกฎหมาย
สิ่งที่น่าจับตาคือ สินทรัพย์ดิจิทัลยุคใหม่ทั้ง *โทเคน* และ *แอปพลิเคชันแบบกระจายศูนย์ (dApp)* มีแนวโน้มจะพัฒนาไปในรูปแบบที่ให้ผลตอบแทนที่จับต้องได้ ซึ่งต่างจากโทเคนแบบเดิมที่เน้นการมีสิทธิ์ในการโหวตแต่ไม่สามารถสร้างกำไรโดยตรงได้
*ความคิดเห็นในเชิงกลยุทธ์*: นักลงทุนควรพิจารณาโทเคนรุ่นใหม่ที่มีโครงสร้างรายได้ชัดเจนมากกว่าโทเคนแบบเก่า โดยเฉพาะในช่วงที่กรอบกฎหมายเริ่มนิ่ง โอกาสนี้อาจกลายเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของการลงทุนคริปโตในระยะยาว
ความคิดเห็น 0