OpenAI ได้เปิดตัวเวอร์ชันทดลองของโมเดลปัญญาประดิษฐ์ใหม่ ‘GPT-4.5’ ซึ่งได้รับการพัฒนาให้มี ‘ความฉลาดทางอารมณ์’ และ ‘ความคิดสร้างสรรค์’ ที่ดีขึ้น อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญบางส่วนมองว่าประสิทธิภาพของโมเดลนี้อาจไม่คุ้มค่ากับค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้น
GPT-4.5 เปิดตัวเมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ โดย OpenAI ระบุว่าโมเดลใหม่นี้สามารถจดจำรูปแบบ ขยายขอบเขตของฐานความรู้ และแก้ปัญหาเชิงสร้างสรรค์ได้ดียิ่งขึ้น นอกจากนี้ ยังถูกออกแบบให้ลด ‘อาการหลอน’ (hallucination) หรือข้อผิดพลาดในการสร้างข้อมูล โดยมุ่งเน้นให้การสนทนาดูเป็นธรรมชาติมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม การมุ่งพัฒนาด้าน ‘ความคิดสร้างสรรค์’ และ ‘บทสนทนาที่เป็นธรรมชาติ’ ทำให้ความสามารถด้านการวิเคราะห์เชิงตรรกะลดลง OpenAI ยอมรับว่า “GPT-4.5 ยังขาดศักยภาพในการให้เหตุผลแบบขั้นเป็นตอน (chain-of-thought reasoning) และประสิทธิภาพอาจลดลงจากขนาดของโมเดล” อีกทั้งยังไม่สามารถรองรับอินพุตหรือเอาต์พุตในรูปแบบมัลติมีเดีย เช่น เสียงและวิดีโอ
ในด้านต้นทุน นักวิจัย AI ‘อารัน โคมัตสึซากิ’ เปิดเผยว่า ค่าใช้ API ของ GPT-4.5 อาจสูงกว่า GPT-4o ถึง 15-20 เท่า ขณะที่ ‘อาชูโตช ศรีวัสตวา’ ผู้ก่อตั้งจดหมายข่าว AI Compass วิจารณ์ OpenAI ว่า “การตั้งราคานี้ไม่มีเหตุผล”
ซีอีโอของ OpenAI ‘แซม อัลต์แมน’ ยอมรับผ่าน X (อดีต Twitter) เมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ ว่า “GPT-4.5 ไม่ได้สร้างจุดเปลี่ยนสำคัญ และต้นทุนยังคงสูง” อย่างไรก็ดี นักวิจัยบางคนมองว่าโมเดลนี้อาจมีประโยชน์เฉพาะด้าน ตัวอย่างเช่น ‘ศาสตราจารย์เดอริยา อูนุตมัซ’ ผู้เชี่ยวชาญด้านชีวการแพทย์ ระบุว่า GPT-4.5 แสดงผลลัพธ์ที่เหนือกว่า AI รุ่นก่อนในการวิเคราะห์ภาพทางการแพทย์ รวมถึงสามารถวินิจฉัย ‘ครรภ์นอกมดลูก’ ได้อย่างแม่นยำ
ในขณะเดียวกัน คู่แข่งจากจีนอย่าง ‘High Flyer’ ก็เริ่มรุกตลาดด้วยการเปิดตัวโมเดลภาษาขนาดใหญ่แบบโอเพนซอร์ส ‘DeepSeek R1’ ซึ่งเพิ่มแรงกดดันต่อ OpenAI อัลต์แมนกล่าวถึงการแข่งขันนี้ว่า “ต้นทุนในการสร้าง AI กำลังลดลงกว่า 10 เท่าต่อปี ซึ่งจะช่วยให้ราคามีความสามารถในการแข่งขันมากขึ้น”
อนาคตของ OpenAI ยังคงจับตามองไปที่ GPT-5 ซึ่งคาดว่าจะเปิดตัวภายในไม่กี่เดือนข้างหน้า โดยโมเดลใหม่นี้จะรวมความสามารถของหลายโมเดลเข้าด้วยกัน เพื่อเพิ่มขีดความสามารถให้ล้ำหน้ายิ่งขึ้น
ความคิดเห็น 0