อีเธอเรียม(ETH) ปรับตัวขึ้นกว่า 11% ภายในห้าวัน หลังจากตกลงไปต่ำกว่าแนว 3,000 ดอลลาร์ (ราว 440,000 บาท) เมื่อวันที่ 22 ที่ผ่านมา โดยนักวิเคราะห์ประเมินว่า การฟื้นตัวของความต้องการจากสถาบันและแนวโน้มการยุตินโยบายการคุมเข้มทางการเงิน (QT) ของธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) น่าจะช่วยเติม 'สภาพคล่อง' ในตลาดคริปโต ซึ่งอาจผลักดันให้ราคาฟื้นต่อไปถึงระดับ 3,600 ดอลลาร์ (ราว 529,000 บาท)
CoinTelegraph รายงานว่า อีเธอเรียมได้รับแรงหนุนจากกระแสคาดการณ์เกี่ยวกับกองทุน ETF และการเปลี่ยนจุดยืนของ Fed จากการคุมเข้มมาเป็นปล่อยสภาพคล่อง ซึ่งช่วยเพิ่มโอกาสที่เม็ดเงินจะไหลเข้าสู่สินทรัพย์ดิจิทัลมากขึ้น สำหรับในเชิงเทคนิค หากรูปแบบการดีดตัวแบบ "ตัว V" ดำเนินต่อเนื่อง ระดับ 3,600 ดอลลาร์อาจกลายเป็นเป้าหมายถัดไปที่นักลงทุนจับตา
ด้านการวิเคราะห์ออนเชน บริษัทวิเคราะห์ตลาด Capriol Investment เปิดเผยว่า ดัชนี ‘ความต้องการโดยนัย’ (Apparent Demand) ของอีเธอเรียมพุ่งแตะจุดสูงสุดในรอบ 26 เดือน โดยค่าดัชนีเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วจาก 37,990 ETH ในวันที่ 22 พ.ย. เป็น 90,995 ETH ภายในวันที่ 26 พ.ย. เป็นการสะท้อนถึงแรงซื้อที่กลับเข้ามาอย่างชัดเจน แม้ในช่วงที่ราคาปรับตัวลง แสดงให้เห็นถึงพฤติกรรม 'สะสมตอนร่วง' ของนักลงทุน ซึ่งมักเป็นสัญญาณเชิงบวกสำหรับการฟื้นตัว
ความเป็นไปได้ของการสิ้นสุดมาตรการ QT ในวันที่ 1 ธันวาคมนี้ อาจเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสนับสนุนราคา เนื่องจากจะทำให้มี ‘สภาพคล่อง’ มากขึ้นในระบบเศรษฐกิจ ซึ่งมีโอกาสที่เม็ดเงินบางส่วนจะเคลื่อนเข้าสู่ตลาดคริปโต เหมือนที่เคยเกิดขึ้นก่อนหน้านี้ในช่วงคาดการณ์การอนุมัติ ETF สำหรับบิตคอยน์(BTC) และอีเธอเรียม
อย่างไรก็ตาม แม้แนวโน้มโดยรวมจะเป็นบวก แต่การรักษาระดับรับสำคัญอย่าง 3,000 ดอลลาร์ยังคงเป็นเงื่อนไขหลักของฝั่งขาขึ้น และหากมีแรงขายใหม่เข้ามา ความผันผวนของราคาอาจกลับมาอีกครั้ง ความคิดเห็น: สำหรับนักเทรดในระยะกลาง การเบรกขึ้นเหนือ 3,600 ดอลลาร์อาจเปิดโอกาสให้เกิดคลื่นขาขึ้นรอบใหม่ ขณะเดียวกัน การติดตามแนวต้านและวอลุ่มจะยังคงเป็นกุญแจสำคัญในการตัดสินใจลงทุนในระยะนี้
ความคิดเห็น 0