โปรโตคอลการเงินแบบกระจายอำนาจหรือดีไฟ(DeFi) ที่อยู่บนอีเธอเรียม(ETH) อย่าง ‘บาลานเซอร์(Balancer)’ ได้เสนอแผนการจัดสรรเงินที่กู้คืนมาได้จากเหตุการณ์แฮ็กครั้งใหญ่เมื่อเดือนพฤศจิกายนปีที่ผ่านมา มูลค่าเหตุการณ์สูงถึง 116 ล้านดอลลาร์ หรือราว 1,696 พันล้านวอน โดยการเสนอครั้งนี้เน้นไปที่การจัดสรรเงินจำนวน 8 ล้านดอลลาร์ หรือราว 117 พันล้านวอน ที่สามารถดึงคืนจากแฮ็กเกอร์ได้
เมื่อวันที่ 4 สมาชิกสองรายของชุมชนบาลานเซอร์ได้นำเสนอแผนจัดสรรทรัพย์สินที่ได้จากกลุ่มแฮ็กเกอร์หมวกขาว (White Hat Hackers) และทีมโครงสร้างภายใน ซึ่งเป็นกลุ่มที่สามารถกู้กลับมาได้ประมาณ 28 ล้านดอลลาร์ หรือราว 410 พันล้านวอน โดยในจำนวนนี้ 8 ล้านดอลลาร์เป็นผลงานของแฮ็กเกอร์หมวกขาวและทีมงานของโปรโตคอลเอง
เงินส่วนที่เหลืออีกประมาณ 20 ล้านดอลลาร์ หรือราว 293 พันล้านวอน ถูกกู้คืนโดยสเตคไวส์(StakeWise) ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มสำหรับการสเตคอีเธอเรียม และจะมีการนำไปแจกจ่ายให้ผู้ใช้ที่ได้รับผลกระทบตามกระบวนการภายหลัง ดังนั้น ขอบเขตของการเสนอในครั้งนี้จะจำกัดเฉพาะมูลค่าทรัพย์สินที่แฮ็กเกอร์หมวกขาวและทีมโครงสร้างภายในนำกลับมาได้เท่านั้น
หลังจากเหตุการณ์แฮ็ก บาลานเซอร์ได้มุ่งเน้นดำเนินแนวทางแก้ไขผ่านกระบวนการแบบชุมชน โดยตั้งเป้าฟื้นฟูความเชื่อมั่นด้วยการกระจายทรัพย์สินที่โปร่งใส อย่างไรก็ตาม หลักเกณฑ์ในการจัดสรรและการคำนวณจำนวนเงินที่จะแบ่งให้นั้นยังอยู่ระหว่างการรอผลโหวตจากชุมชน
เหตุการณ์แฮ็กในเดือนพฤศจิกายนเดิมเกิดจากจุดอ่อนในสมาร์ตคอนแทร็กของบาลานเซอร์ และเป็นเหตุการณ์ที่ได้ปลุกความตระหนักถึงปัญหาด้านความปลอดภัยในแวดวงดีไฟอย่างทั่วถึง ขณะเดียวกัน แฮ็กเกอร์หมวกขาวก็มีบทบาทสำคัญในการป้องกัน ชี้เป้า และติดตามผู้โจมตี จนสามารถกู้คืนทรัพย์สินบางส่วนได้
ข้อเสนอครั้งนี้สะท้อนถึงศักยภาพการรับมือของชุมชนในการจัดการกับวิกฤตด้วยตนเอง และกำลังได้รับความสนใจในฐานะแบบจำลองสำหรับลดความเสี่ยงในเหตุการณ์คล้ายคลึงกันในอนาคต โดยหากสามารถกำหนดหลักของการตอบแทนผู้มีส่วนช่วยในการกู้คืนอย่างชัดเจน ก็อาจสร้างผลเชิงบวกต่อระบบการตอบสนองด้านความปลอดภัยในระบบนิเวศของดีไฟในวงกว้าง
*ความคิดเห็น*: ความเคลื่อนไหวนี้ชี้ให้เห็นว่าการฟื้นฟูหลังแฮ็กในวงการดีไฟเริ่มเป็นกระบวนการที่ชุมชนมีส่วนร่วมอย่างเข้มข้นมากยิ่งขึ้น และอาจส่งผลต่อรูปแบบการกำกับดูแลที่โปร่งใสและยั่งยืนในอนาคต
ความคิดเห็น 0