รัฐเทกซัสกลายเป็นรัฐแรกของสหรัฐฯ ที่ลงทุนในบิตคอยน์(BTC) โดยตรงผ่านพอร์ตการลงทุนของรัฐอย่างเป็นทางการ โดยการลงทุนครั้งนี้เป็นไปตาม ‘กฎหมายทุนสำรองบิตคอยน์เชิงกลยุทธ์ของเทกซัส’ ซึ่งผ่านความเห็นชอบเมื่อเดือนมิถุนายน ปี 2025 ซึ่งกำหนดให้รัฐสามารถจัดตั้งกองทุนพิเศษเพื่อถือครองสินทรัพย์ดิจิทัลได้โดยตรง
ตามรายงาน รัฐเทกซัสได้จัดสรรงบประมาณกว่า 1,470 ล้านบาท (ประมาณ 10 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) สำหรับการลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัล โดยครึ่งหนึ่งหรือประมาณ 730 ล้านบาท ใช้เพื่อเข้าซื้อกองทุน ETF บิตคอยน์ที่ออกโดยแบล็คร็อก ภายใต้ชื่อ IBIT ซึ่งเป็น ETF ที่อ้างอิงราคาบิตคอยน์แบบสปอต ทำให้รัฐเทกซัสเป็น ‘รัฐบาลท้องถิ่นแรกในสหรัฐฯ’ ที่ถือครอง ETF บิตคอยน์อย่างเป็นทางการ
การลงทุนดังกล่าวดำเนินการโดยบริษัทจัดการทรัพย์สินของรัฐ “Texas Treasury Safekeeping Trust Company” ซึ่งเป็นหน่วยงานที่รับผิดชอบบริหารสินทรัพย์ของรัฐ โดยพอร์ตการลงทุนรวมทั้งหมดมีมูลค่าราว 9,800 ล้านบาท และยังประกอบด้วยสินทรัพย์แบบดั้งเดิมอย่าง ETF ที่อิงกับดัชนี S&P500 และพันธบัตรรัฐบาล อย่างไรก็ตาม สัดส่วนของ ETF บิตคอยน์ในพอร์ตนี้ยังค่อนข้างเล็ก อย่างไรก็ดี การลงทุนโดยตรงของรัฐบาลถือเป็นก้าวสำคัญในเชิงสัญลักษณ์และการเปลี่ยนผ่านสู่ยุคสินทรัพย์ดิจิทัลอย่างมีนัยสำคัญ
ภายใต้สภาพแวดล้อมที่เป็นมิตรกับธุรกิจและต้นทุนไฟฟ้าต่ำ เทกซัสถือว่าเป็นศูนย์กลางของการขุดบิตคอยน์อยู่แล้ว แต่ครั้งนี้รัฐได้ก้าวไปอีกขั้นด้วยการเป็น ‘ผู้ลงทุนโดยตรง’ ในสินทรัพย์ดิจิทัล เป็นครั้งแรกในระดับนโยบาย
ด้าน ชาร์ลส์ ชเวิร์ตเนอร์(Charles Schwertner) วุฒิสมาชิกผู้ผลักดันกฎหมายฯ ให้ความเห็นว่า *“บิตคอยน์คือสินทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนดีที่สุดในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา รัฐควรมองมันเช่นเดียวกับทองคำหรือที่ดิน”* โดยเขายังเน้นเรื่องบทบาทของบิตคอยน์ในการเป็นเครื่องมือป้องกันเงินเฟ้อและรักษามูลค่าระยะยาวอีกด้วย
อย่างไรก็ตาม บางฝ่ายแสดงความกังวลต่อการนำภาษีประชาชนไปลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความผันผวนสูง ด้าน *เอริก บัลชูนาส(Eric Balchunas)* นักวิเคราะห์ ETF จาก Bloomberg มองว่าการเคลื่อนไหวของเทกซัสถือเป็น ‘กรณีแรกของสหรัฐฯ’ ที่หน่วยงานรัฐถือครอง ETF บิตคอยน์ ต่อจากกองทุนความมั่งคั่งแห่งชาติของอาบูดาบี และสะท้อนถึงทิศทางที่ ‘การยอมรับระดับนโยบาย’ กำลังขยายตัว
ในภาพรวม การตัดสินใจของรัฐเทกซัสถือเป็นตัวอย่างของแนวทางลงทุนเชิงรุก โดยใช้เงินทุนนำร่องที่ได้รับอนุมัติล่วงหน้า แทนการถือครองสินทรัพย์ดิจิทัลในรูปของทรัพย์สินที่ถูกยึดหรือริบอย่างในอดีต ซึ่งอาจเป็นต้นแบบให้รัฐหรือหน่วยงานสาธารณะอื่นในสหรัฐฯ พิจารณานำไปใช้ในอนาคต
ความคิดเห็น 0