การทำฟาร์มแนวตั้งได้รับความสนใจในฐานะทางเลือกในการแก้ปัญหาวิกฤติอาหาร แต่แนวทางการระดมทุนแบบดั้งเดิมอาจไม่เพียงพอให้เกิดการเติบโตอย่างยั่งยืน ด้วยเหตุนี้ เครือข่ายโครงสร้างพื้นฐานทางกายภาพแบบกระจายศูนย์(DePIN) ที่ใช้บล็อกเชนจึงถูกมองว่าเป็นโซลูชันใหม่ที่สามารถเปลี่ยนแปลงอุตสาหกรรมนี้ได้
ฟาร์มแนวตั้งเป็นแนวทางปฏิวัติวงการเกษตรกรรม ซึ่งช่วยให้สามารถปลูกพืชในพื้นที่จำกัดได้อย่างมีประสิทธิภาพ และยังเป็นทางออกสำคัญต่อปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและความเสื่อมโทรมของดิน อย่างไรก็ตาม ต้นทุนเริ่มต้นที่สูงและการให้ความสำคัญกับผลกำไรระยะสั้นของระบบการเงินแบบดั้งเดิม ทำให้การเข้าถึงเงินทุนเป็นเรื่องยาก ส่งผลให้มีข้อเสนอว่าโมเดลการลงทุนที่ใช้การเงินกระจายศูนย์(DeFi) และ Web3 อาจเป็นตัวช่วยผลักดันให้ฟาร์มแนวตั้งเติบโตอย่างมั่นคง
โมเดลการใช้โทเคนที่ขับเคลื่อนด้วยบล็อกเชนกำลังกลายเป็นวิธีการระดมทุนใหม่สำหรับภาคเกษตรกรรมแนวตั้ง ตัวอย่างเช่น บริษัทให้บริการรถร่วมเดินทางแห่งหนึ่งสามารถระดมทุนได้ 1.6 ล้านยูโร (ประมาณ 25 พันล้านวอน) โดยใช้แนวทางการแปลงทรัพย์สินเป็นโทเคน ซึ่งช่วยให้นักลงทุนได้รับส่วนแบ่งรายได้ ฟาร์มแนวตั้งสามารถนำแนวทางนี้มาใช้โดยให้ผลตอบแทนแก่ผู้ถือโทเคน พร้อมทั้งใช้สัญญาอัจฉริยะเพื่อบริหารจัดการข้อมูลการดำเนินงานอย่างโปร่งใส ส่งผลให้การดึงดูดเงินทุนง่ายขึ้น
นอกจากนี้ ระบบการจัดการห่วงโซ่อุปทานที่ใช้บล็อกเชนอาจเพิ่มความโปร่งใสให้กับกระบวนการผลิตและกระจายสินค้าเกษตร ด้วยการใช้สัญญาอัจฉริยะ ผู้บริโภคสามารถตรวจสอบย้อนกลับได้ตั้งแต่ฟาร์มจนถึงมือผู้ซื้อ ซึ่งจะช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้กับตลาดและเสริมสร้างแนวทางเกษตรกรรมแบบยั่งยืน ในขณะที่จำนวนผู้บริโภคที่ให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อมกำลังเพิ่มขึ้น การเพิ่มความโปร่งใสสามารถยกระดับความสามารถในการแข่งขันของภาคเกษตรกรรมได้อีกขั้น
หากโมเดล DePIN ถูกนำมาใช้อย่างกว้างขวาง เราอาจได้เห็นเครือข่ายฟาร์มแนวตั้งแบบกระจายศูนย์ในเมือง เช่น สวนดาดฟ้าที่กระจายอยู่ตามเขตต่างๆ เพื่อสร้างแหล่งอาหารสดให้กับชุมชนในท้องถิ่น นี่ไม่เพียงแต่เป็นการเพาะปลูกพืชเท่านั้น แต่ยังเป็นการสร้างห่วงโซ่อุปทานอาหารที่มีเสถียรภาพในระยะยาว ซึ่งอาจเปลี่ยนอุตสาหกรรมเกษตรกรรมไปโดยสิ้นเชิง
ท้ายที่สุดแล้ว ความร่วมมือระหว่าง Web3 และเทคโนโลยีบล็อกเชนอาจเป็นกุญแจสำคัญในการขับเคลื่อนฟาร์มแนวตั้งให้เติบโต และช่วยแก้ไขปัญหาด้านอาหารในอนาคตได้หรือไม่ นับเป็นประเด็นที่ต้องจับตามองอย่างใกล้ชิด
ความคิดเห็น 0