Back to top
  • 공유 แชร์
  • 인쇄 พิมพ์
  • 글자크기 ขนาดตัวอักษร
ลิงก์ถูกคัดลอกแล้ว

วาฬหน้าใหม่ดัน 'ต้นทุนเฉลี่ย' บิตคอยน์(BTC) เปลี่ยนโฉมโครงสร้างตลาด

นักลงทุนรายใหญ่หน้าใหม่เปลี่ยนโครงสร้างต้นทุนของบิตคอยน์

ข้อมูลล่าสุดจากเครือข่ายบิตคอยน์(BTC) เผยให้เห็นถึงแนวโน้มใหม่ของตลาดที่ไม่ได้สะท้อนร่องรอยของจุด ‘สูงสุด’ หรือ ‘ต่ำสุด’ เช่นในวัฏจักรเดิม ๆ อีกต่อไป แต่ชี้ไปสู่การเปลี่ยนผ่านเชิงโครงสร้างของการไหลเข้าของเงินทุน โดยพบว่าเกือบครึ่งหนึ่งของ ‘มูลค่าตามราคาที่แท้จริง’ ของบิตคอยน์ มาจากนักลงทุนรายใหญ่กลุ่มใหม่ หรือที่เรียกว่า ‘วาฬหน้าใหม่’ ซึ่งกำลังเขียนนิยามใหม่ให้กับต้นทุนเฉลี่ยของเครือข่าย

ข้อมูลจาก CryptoQuant ระบุว่า ที่อยู่กระเป๋าเงินที่จัดอยู่ในกลุ่มวาฬหน้าใหม่ ซึ่งก่อนหน้านี้มีสัดส่วนเพียง 22% ของมูลค่าตามราคาที่แท้จริงของบิตคอยน์ บัดนี้ขยับขึ้นมาถึง ‘เกือบ 50%’ แล้ว โดย ‘มูลค่าตามราคาที่แท้จริง (Realized Cap)’ คือการประเมินมูลค่าตามราคาที่เหรียญเคลื่อนไหวครั้งล่าสุด ไม่ใช่ราคาตลาดในปัจจุบัน ซึ่งช่วยชี้ให้เห็นว่าเงินทุนไหลเข้าจากที่ใด โดยไม่แยกว่าใครถือเหรียญไว้บ้าง

ต่างจากวัฏจักรขาขึ้นในอดีตซึ่งนักลงทุนรายใหญ่จะเริ่มสะสมเมื่อราคาต่ำ และค่อย ๆ ปล่อยเมื่อราคาขยับขึ้น กลุ่มวาฬหน้าใหม่กลับเข้าซื้อในช่วงราคาสูง พร้อมทุ่มเงินทุนก้อนโตทันที อีกหนึ่งข้อมูลที่น่าสนใจคือ ในช่วงที่ราคาบิตคอยน์ย่อลง สัดส่วนของมูลค่าตามราคาที่แท้จริงที่ถือครองโดยกลุ่มวาฬหน้าใหม่กลับ ‘เพิ่มขึ้น’ ซึ่งสื่อถึงการ ‘วางฐานต้นทุนใหม่ของตลาด’ มากกว่าการปั่นราคาระยะสั้น

นอกจากนี้ ความต้องการถือครองในระยะสั้นยังพุ่งสูง โดยมีการเพิ่มขึ้นของเหรียญที่ถือโดยนักลงทุนระยะสั้น (Short-Term Holder, STH) ถึงราว 100,000 BTC ภายใน 30 วัน ซึ่งเป็นระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ชี้ให้เห็นว่าตลาดกำลังเผชิญกับ ‘การแย่งชิงการเข้าถือครอง’ ในช่วงที่อุปสงค์พุ่งแซงอุปทาน แม้จะยังมีความผันผวน

อีกด้านหนึ่งของภาพคือข้อมูลการไหลเข้าสู่แพลตฟอร์ม Binance ซึ่งบ่งชี้ว่าเหรียญที่เก่ากว่า 155 วันยังคง ‘นิ่งสนิท’ และไม่ได้ถูกขายออก ส่วนแรงเทขายส่วนใหญ่มาจากกลุ่มนักลงทุนระยะสั้นที่ตอบสนองต่อการอ่อนตัวของราคา ‘ความคิดเห็น’ คือ วาฬหน้าใหม่เลือกใช้โอกาสจาก ‘การลงราคา’ ซื้อสะสมเพิ่ม โดยเฉพาะบริเวณใกล้ระดับ 85,000 ดอลลาร์

นอกจากนี้ ยังพบว่า 37% ของบิตคอยน์ที่ถูกส่งเข้า Binance นั้นมาจากกระเป๋าเงินขนาดใหญ่ (ถือ 1,000–10,000 BTC) สะท้อนให้เห็นว่าทุนขนาดใหญ่กำลัง ‘เข้าเก็บของ’ และ ‘หาสภาพคล่อง’ อย่างชัดเจน ด้านข้อมูลจาก Hyblock สนับสนุนบทวิเคราะห์นี้ โดยดัชนี Cumulative Volume Delta (CVD) ซึ่งสะท้อนความต่างระหว่างฝั่งซื้อกับขาย พบว่ากระเป๋าเงินขนาดใหญ่มูลค่า 100,000–10 ล้านดอลลาร์ มีตัวเลขเป็นบวกถึง 135 ล้านดอลลาร์

ขณะเดียวกัน นักลงทุนรายย่อย (ถือเหรียญต่ำกว่า 10,000 ดอลลาร์) และรายขนาดกลาง (10,000–100,000 ดอลลาร์) ต่างมียอด CVD ติดลบถึง 84 ล้านดอลลาร์ และ 172 ล้านดอลลาร์ตามลำดับ สะท้อนภาพว่ากลุ่มทุนขนาดใหญ่กำลัง ‘ดูดซับแรงขาย’ ขณะที่รายย่อยกลับลดความเสี่ยง

‘คำ’ ที่สำคัญในลงพื้นที่ยังคงเป็น ‘วาฬหน้าใหม่’, ‘มูลค่าแท้จริงของบิตคอยน์’ และ ‘การเปลี่ยนผ่านต้นทุนเฉลี่ยของเครือข่าย’ ซึ่งทั้งหมดนี้ชี้ให้เห็นสัญญาณของการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างตลาดที่น่าจับตามองในระยะยาว

<ลิขสิทธิ์ ⓒ TokenPost ห้ามเผยแพร่หรือแจกจ่ายซ้ำโดยไม่ได้รับอนุญาต>

บทความที่มีคนดูมากที่สุด

บทความที่เกี่ยวข้อง

ความคิดเห็น 0

ข้อแนะนำสำหรับความคิดเห็น

ขอบคุณสำหรับบทความดี ๆ ต้องการบทความติดตามเพิ่มเติม เป็นการวิเคราะห์ที่ยอดเยี่ยม

0/1000

ข้อแนะนำสำหรับความคิดเห็น

ขอบคุณสำหรับบทความดี ๆ ต้องการบทความติดตามเพิ่มเติม เป็นการวิเคราะห์ที่ยอดเยี่ยม
1