Back to top
  • 공유 แชร์
  • 인쇄 พิมพ์
  • 글자크기 ขนาดตัวอักษร
ลิงก์ถูกคัดลอกแล้ว

โซลานา(SOL) แซงอีเธอเรียม(ETH) ครั้งแรกในรายได้ประจำปี สะท้อนการเปลี่ยนระบอบบล็อกเชน

โซลานา(SOL) มีแนวโน้มแซงหน้าอีเธอเรียม(ETH) เป็นครั้งแรกในแง่ของรายได้จากเครือข่ายประจำปี ซึ่งถือเป็นการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างมากกว่าตัวเลขเพียงอย่างเดียว โดยผู้ร่วมก่อตั้งของโซลานาได้เรียกสิ่งนี้ว่า ‘การเปลี่ยนระบอบ’ ขณะที่ภายในชุมชนบางส่วนยังคงตั้งข้อสงสัยต่อแนวโน้มที่เกิดขึ้น

เมื่อเร็วๆ นี้ องค์กรกำกับด้านการเงินของโซลานาอย่าง ดีฟาย ดีเวลลอปเมนต์ คอร์ปอเรชัน(DFDV) โพสต์บนแพลตฟอร์ม X ว่า โซลานามีโอกาสสูงที่จะมียอดรายได้รวมประจำปี 2024 แซงหน้าอีเธอเรียมได้เป็นครั้งแรก โดยระบุว่านี่ไม่ใช่แค่ ‘จุดเปลี่ยน’ แต่คือ ‘โครงสร้างใหม่’ ที่จะผลักดันให้ดีแอป(dApp) ในอนาคตพัฒนาอยู่บนโซลานาเป็นหลัก

ข้อมูลจาก DFDV แสดงให้เห็นว่า โซลานาทำรายได้รวมแล้วกว่า 1.4 พันล้านดอลลาร์ (ราว 4.8 หมื่นล้านบาท) ในปีนี้ ขณะที่อีเธอเรียมอยู่ที่ประมาณ 522 ล้านดอลลาร์ (ราว 1.8 หมื่นล้านบาท) เท่านั้น ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญ เนื่องจากปีที่ผ่านมา อีเธอเรียมยังคงทำรายได้สูงกว่าอย่างชัดเจน โดยอยู่ที่ 2.5 พันล้านดอลลาร์ ส่วนโซลานาทำได้ 1.42 พันล้านดอลลาร์

เบื้องหลังของการเติบโตนี้คือระบบนิเวศของดีแอปที่หลากหลายและโครงสร้างเครือข่ายที่มีประสิทธิภาพ ตามข้อมูลจาก DeFiLlama แอปพลิเคชันอย่าง Pump.fun, Meteroa, Jupiter และ Phantom ต่างมีส่วนช่วยขับเคลื่อนรายได้ของโซลานาอย่างมีนัยสำคัญ นอกจากนี้ จุดแข็งของโซลานาคือ ‘ความเร็ว’ และ ‘ค่าธรรมเนียมที่ต่ำ’ ซึ่งดึงดูดทั้งนักพัฒนาและผู้ใช้งาน ตรงกันข้ามกับอีเธอเรียม ซึ่งมีค่าธรรมเนียม (ก๊าซฟี) สูงถึงระดับที่เกิน 1 ดอลลาร์ในบางกรณี ทำให้มีผู้ใช้งานบางส่วนทยอยย้ายออก

หากดูจากข้อมูลในระยะ 5 ปี รายได้ของอีเธอเรียมลดลงไปราว 90% ขณะที่โซลานากลับเพิ่มขึ้นกว่า 5,000% ซึ่งเป็นการสะท้อนถึง ‘โมเดลรายได้ที่ยืดหยุ่นกว่า’ ของเครือข่ายโซลานา

ด้าน อนาโตลี ยาโคเวนโก ผู้ร่วมก่อตั้งโซลานา แสดงความเห็นว่า “เป็นปีที่บ้าบอที่สุดตั้งแต่ก่อตั้งเครือข่ายมา” พร้อมชี้ว่า แม้เครือข่ายแบบเปิดและไร้ใบอนุญาต (Open Permissionless) อย่างโซลานาจะสามารถสร้างรายได้ในระดับนี้ได้ แต่ยังมีความไม่แน่นอนในระยะยาว เขาคาดการณ์ว่า วันหนึ่งมูลค่าตลาดของคริปโตโดยรวมจะยังคงเติบโต และความสามารถในการสร้าง ‘รายได้’ จะกลายเป็นดัชนีวัดความสำเร็จสำคัญระหว่างโปรโตคอลต่างๆ

อีกทั้งเขาชี้ว่า "การแข่งขันที่แท้จริงระหว่างเครือข่ายนั้นจะเกิดขึ้นที่ ‘เลเยอร์ประมวลผล (Execution Layer)’" หมายถึงการสร้างโครงข่ายที่ ‘กระจายศูนย์ทั่วโลก’, ‘ต้านเซ็นเซอร์’ และ ‘มีความเร็วในการประมวลผลที่สูง’

อย่างไรก็ตาม กระแสการเติบโตของโซลานายังไม่อาจลบล้างข้อกังขาทั้งหมดได้ โดยนักวิเคราะห์ในชุมชนบางส่วน เช่น ‘Scribbler’ ได้ตั้งข้อสังเกตว่า โซลานาอาจกำลังอยู่ในภาวะผู้ใช้งานลดลง โดยเปรียบเทียบว่าจากเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้วถึงกุมภาพันธ์ปีนี้ ผู้ใช้งานรายเดือนเคยพุ่งขึ้นถึง 30 ล้านราย แต่ปัจจุบันตกลงเหลือเพียง 1 ล้านรายเท่านั้น

หนึ่งในปัจจัยที่เกี่ยวข้องคือความร้อนแรงของกระแส ‘เหรียญมุข’ ที่เริ่มลดลง โดยในช่วงก่อน โซลานาได้ประโยชน์จากการที่ประธานาธิบดีทรัมป์ เปิดตัวเหรียญ TRUMP บนโซลานา ซึ่งสร้างแรงดึงดูดมหาศาลทั้งในแง่ผู้ใช้และปริมาณธุรกรรม แต่เมื่อกระแสเหรียญมุขแผ่วลง ความยั่งยืนของรายได้เหล่านั้นจึงถูกตั้งคำถาม

กระนั้น นักลงทุนและองค์กรกำลังมองต่างไป โดยเชื่อว่า ทิศทางปัจจุบันคือการเปลี่ยนผ่านจากผู้ใช้แบบระยะสั้นไปสู่การใช้งานจริง ซึ่งเป็นรากฐานแข็งแกร่งกว่า ตัวอย่างเช่น บริษัทด้านการลงทุนอย่าง ‘Galaxy Digital’ และ ‘Forward Industries’ ได้นำหุ้นของตนมาโทเคไนซ์บนโซลานา ขณะที่ วีซ่า(Visa) ก็กำลังร่วมมือกับธนาคารในสหรัฐฯ เพื่อชำระเงิน USDC ผ่านเครือข่ายของโซลานา

‘โซลานา’ แซงหน้า ‘อีเธอเรียม’ ในมิติของรายได้อาจสะท้อนถึง ‘โครงสร้างใหม่’ ของการแข่งขันระหว่างบล็อกเชนที่ขึ้นอยู่กับทั้ง *ประสิทธิภาพของระบบ* และ *ความสามารถในการใช้งานจริง* ในระดับเศรษฐกิจมากขึ้นเรื่อยๆ

ความคิดเห็น: เมื่อรายได้กลายเป็นเครื่องชี้วัดใหม่ในวงการ คำถามสำคัญต่อไปก็คือ ‘ใครจะอยู่รอดในการแข่งขันระยะยาวนี้’

<ลิขสิทธิ์ ⓒ TokenPost ห้ามเผยแพร่หรือแจกจ่ายซ้ำโดยไม่ได้รับอนุญาต>

บทความที่มีคนดูมากที่สุด

บทความที่เกี่ยวข้อง

ความคิดเห็น 0

ข้อแนะนำสำหรับความคิดเห็น

ขอบคุณสำหรับบทความดี ๆ ต้องการบทความติดตามเพิ่มเติม เป็นการวิเคราะห์ที่ยอดเยี่ยม

0/1000

ข้อแนะนำสำหรับความคิดเห็น

ขอบคุณสำหรับบทความดี ๆ ต้องการบทความติดตามเพิ่มเติม เป็นการวิเคราะห์ที่ยอดเยี่ยม
1