บิตคอยน์(BTC) กำลังเผชิญกับไตรมาสที่แย่ที่สุดในรอบ 7 ปี โดยคาดว่าจะปิดตลาดไตรมาส 4 ปี 2025 ด้วยการร่วงลงราว 22% ซึ่งนับเป็นผลตอบแทนรายไตรมาสที่เลวร้ายที่สุดนับตั้งแต่ปี 2018 ที่ตลาดคริปโตร่วงอย่างรุนแรง สาเหตุเกิดจากแรงกดดันทางเศรษฐกิจมหภาค ตัวชี้วัดออนเชนที่ซบเซา และความเหนื่อยล้าของนักลงทุน ซึ่งล้วนส่งผลกระทบต่อทิศทางของตลาดในช่วงปลายปีนี้
ข้อมูลจากบริษัทวิจัยข้อมูลคริปโตโคอินกลาส(Coinglass) ระบุว่า บิตคอยน์ร่วงถึง 22% นับตั้งแต่ต้นไตรมาสสี่ ทั้งที่ตามธรรมเนียมแล้วไตรมาสนี้มักเป็นช่วงฟื้นตัวของราคาหลังจากกำไรช่วงฤดูร้อนซบเซา เมื่อเทียบกับปี 2023 ที่บิตคอยน์เพิ่มขึ้นถึง 57% และปี 2024 ที่ขยับขึ้นอีก 48% การร่วงลงในปีนี้จึงถือเป็นการกลับทิศเรื่องกระแสตลาดอย่างชัดเจน
สถานการณ์ครั้งนี้ทำให้นักวิเคราะห์หลายฝ่ายรำลึกถึงปี 2018 ซึ่งบิตคอยน์ร่วงลงถึง 42% ภายในไตรมาสเดียว แม้ว่าการลดลงในปี 2025 จะไม่หนักเท่าปี 2018 แต่ ‘โครงสร้าง’ การเคลื่อนไหวของราคานั้นมีความคล้ายคลึงกัน โดยในปีนี้ บิตคอยน์เริ่มต้นด้วยการลดลง 11.8% ในไตรมาสแรก จากนั้นดีดกลับ 30% ในไตรมาสสอง และขึ้นต่ออีก 6% ในไตรมาสสาม ก่อนดิ่งลงอีกครั้งในไตรมาสสุดท้าย นักวิเคราะห์มองว่า นี่ไม่ใช่เพียงผลกระทบจากเหตุการณ์เฉพาะหน้า แต่เป็น ‘อาการเหนื่อยล้า’ จากนักลงทุนที่ทยอยถอนตัวจากตลาด
สิ่งที่น่าสังเกตคือความร่วงลงที่กระจุกตัวในไตรมาสสี่ โดยที่ในช่วงต้นปี 2025 ตลาดยังคงแข็งแกร่ง ซึ่งทำให้นักวิเคราะห์บางรายมองว่า แรงซื้อเก็งกำไรที่ลดลงควบคู่กับขาดเงินทุนใหม่ ทำให้ตลาดตกอยู่ในสภาวะพลังงานหมด ภายในวันที่ 25 บิตคอยน์ซื้อขายอยู่ที่ราว 89,000 ดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 1.32 ล้านบาท แม้ว่าราคาจะสามารถฟื้นตัวได้ 1% ในรอบสัปดาห์ แต่ทั้งเดือนยังคงลดลงมากกว่า 2% โดยแกว่งตัวอยู่ในกรอบ 85,000-90,000 ดอลลาร์สหรัฐ ในรอบ 7 วัน และถึงแม้เดือนเดียวจะเพิ่มขึ้น 6% แต่ผลตอบแทนทั้งปีติดลบประมาณ 7% ซึ่งยังอยู่ห่างจากจุดสูงสุดที่ราว 126,000 ดอลลาร์สหรัฐหรือ 1.87 ล้านบาท อยู่ถึง 29%
ด้านมุมมองเชิงเทคนิค ผู้เชี่ยวชาญจากบริษัทคริปโตควอนท์(CryptoQuant) ชี้ว่าการร่วงของราคาไม่ได้เป็นการเปลี่ยนแปลงแบบเฉียบพลัน แต่เป็นภาวะ ‘ขาลงเชิงโครงสร้าง’ ที่กำลังต่อเนื่อง โดยเฉพาะเมื่อพิจารณาจากส่วนต่างของค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 30 วันและ 365 วัน ที่ยังอยู่ในแดนลบ สะท้อนถึงกระแสขาลงระยะยาวที่ยังไม่สิ้นสุด
กิจกรรมบนเครือข่ายออนเชนเองก็ชะลอตัวอย่างเห็นได้ชัด จำนวนธุรกรรมรายวันลดลงจากระดับเฉลี่ย 460,000 รายการเหลือเพียง 438,000 รายการ และจำนวนกระเป๋าเงินที่เคลื่อนไหวอยู่ต่อวันก็ลดลงมาอยู่ที่ประมาณ 41,500 ใบ บ่งชี้ถึงการหายไปของนักลงทุนรายใหญ่ในตลาด
รายงานจาก XWIN รีเสิร์ช ในญี่ปุ่นยังสนับสนุนเทรนด์นี้ โดยระบุว่าตลาดกำลังอยู่ในสภาวะ ‘หยุดชะงักและเริ่มต้นใหม่ซ้ำๆ’ ซึ่งทำให้นักลงทุนไม่สามารถกำหนดทิศทางได้อย่างมั่นใจ หนึ่งในปัจจัยเสี่ยงสำคัญคือการที่ธนาคารกลางญี่ปุ่นปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเป็น 0.75% เมื่อวันที่ 19 ซึ่งแม้เป็นการเคลื่อนไหวที่ตลาดคาดไว้แล้ว แต่ความไม่ชัดเจนเกี่ยวกับทิศทางในอนาคตก็ก่อให้เกิดความลังเลในการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยง
ในส่วนของตลาดฟิวเจอร์ส ตัวชี้วัดด้านการใช้เลเวอเรจหรือการเก็งกำไรด้วยเงินยืมแสดงให้เห็นว่า ความร้อนแรงได้ลดลงแล้ว โดยอัตราการใช้เลเวอเรจเริ่มมีเสถียรภาพ การที่ ‘Coinbase Premium Index’ หรือดัชนีที่สะท้อนความสนใจซื้อจริงในสหรัฐฯ ยังคงติดลบ ก็ยิ่งตอกย้ำว่าแรงซื้อรายใหญ่ยังไม่กลับเข้าสู่ตลาด
‘คำสำคัญ’ ในข่าวครั้งนี้คือการลดลงของ *บิตคอยน์(BTC)* จำนวน 22% ในไตรมาสสุดท้าย ซึ่งไม่เพียงมีนัยทางสถิติเชิงลบ แต่ยังเป็นสัญญาณเตือนว่า ‘แนวโน้มเชิงฤดูกาล’ ที่เคยเกิดขึ้นอาจล้มเหลว และเป็นไปได้ว่าเรากำลังเข้าสู่ช่วง ‘ปรับฐานถาวร’ ของตลาดคริปโต
‘ความคิดเห็น’: การอ่อนแรงทั้งในภาพเทคนิคและพื้นฐาน รวมถึงภาวะเงินทุนตึงตัว มีแนวโน้มส่งผลกระทบต่อคริปโตเคอร์เรนซีอื่นๆ ด้วย นักลงทุนควรจับตาว่าปริมาณธุรกรรมและกระเป๋าเงินเคลื่อนไหวจะกลับมาฟื้นตัวได้เมื่อใด เพราะนั่นอาจเป็นสัญญาณเริ่มต้นของการเปลี่ยนเทรนด์
ความคิดเห็น 0