ฮ่องกงผลักดันให้บริษัทประกันสามารถลงทุนในคริปโตได้ หวังปูทางสู่ศูนย์กลางสินทรัพย์ดิจิทัลโลก
เมื่อวันที่ 4 ตามรายงานของ Bloomberg หน่วยงานกำกับดูแลประกันภัยฮ่องกง (IA) เปิดเผยแนวทางใหม่ที่เสนอให้บริษัทประกันสามารถลงทุนใน ‘สินทรัพย์ดิจิทัล’ อย่าง บิตคอยน์(BTC), อีเธอเรียม(ETH) และโครงสร้างพื้นฐานของคริปโตได้ โดยอยู่ภายใต้ระบบทุนตามความเสี่ยงที่กำลังจะได้รับการปรับปรุง นับเป็นอีกก้าวของฮ่องกงในการสร้างสถานะเป็นศูนย์กลางสินทรัพย์ดิจิทัลระดับโลก
ภายใต้กติกาที่กำหนดไว้ บริษัทประกันที่ลงทุนในคริปโตต้องรักษาสัดส่วนเงินสำรองให้ครอบคลุม 100% ของเงินลงทุนทั้งหมด สะท้อนถึงการจัดการความเสี่ยงที่รัดกุมในตลาดที่มีความผันผวนสูง ขณะที่ ‘สเตเบิลคอยน์’ จะถูกประเมินความเสี่ยงตามสกุลเงินที่ยึดโยง หากเป็นดอลลาร์สหรัฐ ความเสี่ยงจะถือว่าค่อนข้างต่ำ
ข้อเสนอดังกล่าวคาดว่าจะเข้าสู่ช่วงรับฟังความเห็นระหว่างเดือนกุมภาพันธ์ถึงเมษายน 2026 ก่อนจะเข้าสู่กระบวนการออกกฎหมายอย่างเป็นทางการ โดยสำนักงานฯ เผยว่า กำลังรวบรวมข้อคิดเห็นจากภาคเอกชนและจะใช้เป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจ
ข้อมูลล่าสุดในเดือนมิถุนายน 2025 ระบุว่า มีบริษัทประกันที่ได้รับอนุญาตในฮ่องกงถึง 158 แห่ง และในปี 2024 มีเบี้ยประกันรวมทั่วตลาดอยู่ราว 8,200 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 1.2 ล้านล้านวอน หากเงินทุนส่วนหนึ่งของอุตสาหกรรมเหล่านี้ไหลเข้าสินทรัพย์ดิจิทัลและโครงสร้างพื้นฐาน คาดว่าจะส่งผลกระทบต่อภาคเศรษฐกิจในวงกว้างในอนาคต
ไม่เพียงแต่การลงทุน ฮ่องกงยังเดินหน้าจัดระเบียบระบบนิเวศของ ‘สเตเบิลคอยน์’ อย่างจริงจัง ภายใต้กฎหมายฉบับใหม่ที่เพิ่งมีผลบังคับใช้ ผู้ที่ต้องการออกเหรียญดิจิทัลที่ผูกกับสกุลเงินรัฐบาล (Fiat-Referenced Stablecoin) ในฮ่องกง ต้องขอ ‘ใบอนุญาต’ จากทางการก่อน
Bloomberg รายงานว่า ในปีนี้มีคำขอใบอนุญาตมากกว่า 30 รายการ โดยรวมถึง Reitar Logtech บริษัทเทคโนโลยีด้านโลจิสติกส์ของจีน และสำนักงานต่างประเทศของ Ant Group ซึ่งเป็นผู้ดำเนินงานของ Alipay ด้วย
อย่างไรก็ดี ความไม่แน่นอนยังคงมีอยู่จากฝั่งจีนแผ่นดินใหญ่ ธนาคารกลางจีน(PBOC) และหน่วยงานกำกับอื่น ๆ ได้ออกมาย้ำจุดยืนล่าสุดว่า “สเตเบิลคอยน์ไม่ได้รับการยอมรับว่าเป็นสกุลเงินถูกกฎหมาย และมีความเสี่ยงที่จะนำไปใช้ในกิจกรรมผิดกฎหมาย” ความคิดเห็นจากนักวิเคราะห์ระบุว่า สัญญาณนี้ทำให้ความหวังว่า ‘ปักกิ่ง’ จะผ่อนคลายท่าทีต่อคริปโตหายไป
ศาสตราจารย์ไบรอัน ถัง จากมหาวิทยาลัยฮ่องกงแสดงความเห็นว่า “ผู้ขอใบอนุญาตที่เชื่อมโยงกับจีนแผ่นดินใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นนักลงทุนหรือผู้ใช้ จำเป็นต้องทบทวนกลยุทธ์ใหม่” ขณะที่ทางการฮ่องกงก็ยอมรับว่า โครงการใดที่เกี่ยวข้องกับเงินหยวนหรือหน่วยงานของจีน อาจเจอ ‘ดีเลย์’ ได้
ในอีกด้านหนึ่ง ข้อเสนอของ IA ยังรวมถึงแผนจูงใจให้บริษัทประกันเข้าร่วมลงทุนในโครงการโครงสร้างพื้นฐาน ไม่เพียงแต่ในฮ่องกง แต่รวมถึงจีนแผ่นดินใหญ่ด้วย โดยการให้ ‘สิทธิประโยชน์ด้านทุน’ ซึ่งน่าจะช่วยตรึงให้ธุรกิจการเงินยังยึดโยงกับเศรษฐกิจของจริง และเสริมความเป็น ‘ฮับการเงิน’ ของฮ่องกงให้แข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น
ความคิดเห็น: ฮ่องกงแสดงให้เห็นถึง ‘สมดุล’ ที่น่าจับตามอง ด้วยการเปิดรับนวัตกรรมสินทรัพย์ดิจิทัลพร้อมควบคุมความเสี่ยงอย่างเข้มงวด ขณะที่ยังพยายามรักษาความสัมพันธ์กับตลาดจีนโดยไม่ขัดแย้งกับท่าทีปัจจุบันของปักกิ่ง คลื่นลูกนี้อาจสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับประเทศอื่นที่ต้องการเข้าสู่โลกคริปโตอย่างยั่งยืน
ความคิดเห็น 0