รัฐบาลออสเตรเลียยืนยันไม่มีแผนสำรองคริปโตตามแบบสหรัฐฯ
แม้ว่า ‘ทรัมป์’ จะประกาศโครงการสำรองสินทรัพย์ดิจิทัลระดับยุทธศาสตร์ในสหรัฐฯ แต่ออสเตรเลียยืนยันว่าไม่มีแผนดำเนินการในลักษณะเดียวกัน โดยรัฐบาลอัลบานีสให้ความสำคัญกับ ‘กฎระเบียบ’ เป็นหลัก
โฆษกกระทรวงการคลังออสเตรเลียที่ดูแลด้านภาษีและบริการทางการเงินให้สัมภาษณ์กับ Cointelegraph ระบุว่า “รัฐบาลอัลบานีสให้ความสำคัญกับการสร้างกฎระเบียบสำหรับแพลตฟอร์มสินทรัพย์ดิจิทัล และทำงานร่วมกับอุตสาหกรรมเพื่อพัฒนาโครงสร้างกำกับดูแลที่เหมาะสม” พร้อมเสริมว่า “เราตระหนักถึงผลกระทบเชิงบวกของ ‘บล็อกเชน’ และสินทรัพย์ดิจิทัลต่อเศรษฐกิจ ระบบการเงิน และนวัตกรรม”
ในขณะที่ออสเตรเลียมุ่งเน้นเรื่องกฎระเบียบ ทรัมป์ได้สั่งให้กลุ่มงานสินทรัพย์ดิจิทัลของทำเนียบขาวจัดทำ ‘กองทุนสำรองคริปโต’ ซึ่งรวมถึง ‘ริปเปิล(XRP)’, ‘โซลานา(SOL)’, ‘คาร์ดาโน(ADA)’, ‘บิตคอยน์(BTC)’ และ ‘อีเธอเรียม(ETH)’ นอกจากนี้ บางรัฐในสหรัฐฯ ยังพิจารณาให้บิตคอยน์และคริปโตอื่นๆ เป็นสินทรัพย์สำคัญสำหรับการลงทุนของภาครัฐ
แนวคิดเกี่ยวกับ ‘กองทุนสำรองคริปโต’ ได้สร้างกระแสการถกเถียงในวงการคริปโต โดยทอม แมทธิวส์ หัวหน้าฝ่ายประชาสัมพันธ์ของ Swyftx ระบุว่า “แนวคิดการสำรองสินทรัพย์ดิจิทัลอาจได้รับความนิยม แต่หากการถือครองกระจุกตัวอยู่ในโทเคนเพียงไม่กี่ชนิด อาจเพิ่มความเสี่ยงมหาศาล” พร้อมกล่าวเสริมว่า “หากเป้าหมายหลักคือการรับมือกับวิกฤติ ต้องคำนึงถึงความผันผวนของตลาดคริปโต”
โจนาธาน มิลเลอร์ กรรมการผู้จัดการของ Kraken Australia ให้ความเห็นว่า “สินทรัพย์ดิจิทัลมีสถานะเป็น ‘สินทรัพย์เพื่อการลงทุน’ แล้ว ทั้งในรูปแบบ ETF บนกระดานซื้อขายหลักทรัพย์ และการลงทุนโดยกองทุนบำเหน็จบำนาญรวมถึงกองทุนความมั่งคั่งแห่งชาติ หากพิจารณาแนวทางการกระจายความเสี่ยงของกองทุนเหล่านี้ อาจเป็นไปได้ที่ในอนาคตสินทรัพย์ดิจิทัลจะถูกรวมเข้าเป็นส่วนหนึ่งของเงินทุนสำรองของประเทศ”
แม้ออสเตรเลียจะยังไม่มีแผนสำรองสินทรัพย์ดิจิทัล แต่กลับเร่งเดินหน้าควบคุมอุตสาหกรรมนี้ให้รัดกุมยิ่งขึ้น โดย AUSTRAC ซึ่งเป็นหน่วยงานตรวจสอบธุรกรรมทางการเงินของออสเตรเลียประกาศเมื่อเดือนธันวาคมปีที่แล้วว่า จะเพิ่มมาตรการกำกับดูแลเงินดิจิทัลเพื่อป้องกันปัญหาฟอกเงิน นอกจากนี้ ASIC ซึ่งเป็นสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์ของออสเตรเลีย ได้เผยแพร่ร่างแนวทางใหม่ที่อาจกำหนดให้สินทรัพย์ดิจิทัลเป็น ‘ผลิตภัณฑ์ทางการเงิน’ ซึ่งบ่งชี้ถึงแนวทางการกำกับดูแลที่เข้มงวดมากขึ้น
ปัจจุบัน ‘ออสเตรเลีย’ เป็นหนึ่งในประเทศที่มีเครือข่าย ‘คริปโต ATM’ ใหญ่ที่สุดในโลก โดย Coin ATM Radar รายงานว่ามี ATM สำหรับสินทรัพย์ดิจิทัลมากกว่า 1,453 ตู้ทั่วประเทศ เพิ่มขึ้นจาก 67 ตู้ใน ‘สิงหาคม 2022’ ซึ่งทำให้ออสเตรเลียกลายเป็นประเทศที่มีเครือข่าย ATM คริปโตใหญ่เป็นอันดับ 3 ของโลก
ความคิดเห็น 0