บิตคอยน์(BTC) กำลังเผชิญแรงขายสูงในช่วงปลายปี โดยเฉพาะจากฝั่งสหรัฐอเมริกา ซึ่งเห็นได้จากการที่เงินทุนจำนวนประมาณ 826 ล้านดอลลาร์ หรือราว 29,000 ล้านบาท ถูกถอนออกจาก ETF ประเภทบิตคอยน์แบบสปอต(ticker: BTC) ติดต่อกันเป็นเวลา 5 วันทำการ เมื่อวันที่ 24 ธันวาคมเพียงวันเดียว มีเงินไหลออกถึง 175 ล้านดอลลาร์ แสดงให้เห็นถึงแรงกดดันจากการขายที่รุนแรงก่อนช่วงวันหยุดคริสต์มาส
นักวิเคราะห์ตลาดเชื่อว่า สาเหตุหลักของการถอนเงินในช่วงนี้มาจาก ‘การขายเพื่อลดภาษี’ หรือ tax-loss harvesting ซึ่งเป็นกลยุทธ์ที่นักลงทุนใช้ขายสินทรัพย์ที่ขาดทุนในช่วงสิ้นปี เพื่อหักภาษีรายได้จากกำไรในสินทรัพย์ส่วนอื่น ๆ ที่มีกำไรในพอร์ต อเล็ก(Alek) เทรดเดอร์สายคริปโตให้ ‘ความคิดเห็น’ ผ่านโซเชียลมีเดียว่า “แรงขายในตอนนี้ส่วนใหญ่เกิดจากเหตุผลด้านภาษี และน่าจะสิ้นสุดภายในหนึ่งสัปดาห์” ขณะเดียวกัน ตลาดยังได้รับแรงกดดันเพิ่มเติมจากการหมดอายุของสัญญาออปชันล็อตใหญ่ในวันศุกร์ ส่งผลต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุน
แรงขายที่เกิดขึ้นหนักที่สุดอยู่ในช่วงเวลาตลาดสหรัฐเปิดทำการ โดยข้อมูลจาก ‘Coinbase Premium’ ซึ่งสะท้อนความต้องการซื้อของนักลงทุนสหรัฐผ่านส่วนต่างราคาบิตคอยน์ระหว่าง Coinbase และ Binance พบว่า อยู่ในแดนลบตลอดทั้งเดือนธันวาคม ซึ่งชี้ให้เห็นถึงแนวโน้ม ‘การเทขาย’ จากผู้ใช้งานฝั่งสหรัฐ เท็ด ฟิลโลวส์(Ted Pillows) นักวิเคราะห์สายบล็อกเชนกล่าวว่า “ปัจจุบันสหรัฐเป็นฝั่งที่ขายมากที่สุด ขณะที่เอเชียรับบทผู้ซื้อหลัก ถ้าความต้องการฝั่งสหรัฐยังไม่ฟื้น ตลาดบิตคอยน์จะมีข้อจำกัดในด้านการฟื้นตัว”
แม้แนวโน้ม ETF ยังอยู่ในภาวะไหลออก แต่นักวิเคราะห์บางส่วนยังไม่เห็นว่าสัญญาณนี้หมายถึงจุดจบของตลาดกระ(ตลาดขาขึ้น) พฤติกรรมทั่วไปคือ เมื่อราคาบิตคอยน์เริ่มกลับมา → การไหลออกของทุนหยุดลง → กลายเป็นเงินไหลเข้าอีกครั้ง ปัจจุบันสถานการณ์ถือว่ายังอยู่ในช่วงที่สภาพคล่องหดตัว แต่ไม่ได้หมายความว่าตลาด ‘พัง’ ทั้งระบบ โดยตั้งแต่ต้นเดือนพฤศจิกายน ทั้งบิตคอยน์และอีเธอเรียม(ETH) ยังคงมียอดเฉลี่ยรายเดือนของ ETF เป็นลบ
ด้านข้อมูลออนเชนยังสะท้อนภาพเชิงบวกอยู่ นักลงทุนระยะยาวยังไม่ได้ทำการเทขายแบบตื่นตระหนก และปริมาณกำไรที่ถูกขายนั้นยังถือว่าอยู่ในระดับที่ตลาดสามารถดูดซับได้ ซึ่งหมายความว่า แรงขายเล็กน้อยจากการทำกำไรในช่วงนี้ยังไม่กระทบต่อสมดุลของตลาด และหากแนวโน้มนี้ดำเนินต่อไป นักลงทุนรายใหญ่ก็อาจรอจังหวะกลับเข้าสู่ตลาดอีกครั้ง หาก ETF กลับมาอยู่ในภาวะกลางหรือเป็นบวก
ทิศทางตลาดในเดือนมกราคมเป็นสิ่งที่ควรจับตามอง โดยตลาดอาจเริ่มฟื้นตัวหากกระแสเงินทุนจาก ETF เริ่มชะลอการไหลออกและเข้าสู่ภาวะสมดุล นักวิเคราะห์บางรายมองว่า ปัจจุบันอาจเป็นจุดสูงสุด(peak)ของแรงขายก่อนที่โครงสร้างตลาดจะเริ่มกลับเข้าสู่ภาวะมั่นคงมากขึ้นอีกครั้ง แม้ในระยะสั้นจะยังมีความผันผวนจากการขายเพื่อลดภาษีและการหมดอายุของออปชันอยู่ก็ตาม
‘ความคิดเห็น’: ตัวชี้วัดสำคัญที่นักลงทุนควรติดตามในช่วงนี้ ได้แก่ ‘Coinbase Premium’, การไหลเข้า/ออกของ ETF และพฤติกรรมของนักลงทุนรายใหญ่ในออนเชน ซึ่งจะสะท้อนทิศทางของตลาดในระยะถัดไปอย่างชัดเจน
ความคิดเห็น 0