ความคาดหวังต่อราคาของดอจคอยน์(DOGE)เริ่มเลือนหาย ขณะที่สกุลเงินดิจิทัลซึ่งเคยเป็น ‘ตัวแทนของเหรียญมีม’ กลับถอยลงสู่ขอบของตลาดอีกครั้ง โดยแรงขายจำนวนมากจากนักลงทุนรายใหญ่และผลงานที่น่าผิดหวังของกองทุน ETF เป็นปัจจัยสำคัญที่ซ้ำเติมความไม่มั่นใจของนักลงทุนอย่างต่อเนื่อง
ย้อนกลับไปเมื่อหนึ่งปีก่อน ดอจคอยน์เคยได้แรงหนุนจากชัยชนะของประธานาธิบดีทรัมป์ในการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ทำให้ตลาดคริปโตโดยรวมคึกคัก และราคาของเหรียญมีมนี้เคยพยายามพุ่งทะลุระดับ 0.50 ดอลลาร์ ทว่าขณะนี้ราคาได้ลดลงมามากกว่าครึ่ง โดยอยู่ราว 0.12 ดอลลาร์ และยังต้องดิ้นรนเพื่อรักษาระดับดังกล่าว รายงานล่าสุดระบุว่า ดอจคอยน์ปรับตัวลงราว 7% ในรอบสัปดาห์ และร่วงลงมากกว่า 20% เมื่อเทียบกับเดือนที่ผ่านมา
อ้างอิงจากอาลี มาร์ติเนซ(Ali Martinez) นักวิเคราะห์ตลาดคริปโต เปิดเผยว่า ตลอด 5 วันที่ผ่านมา นักลงทุนรายใหญ่หรือ ‘วาฬ’ ได้ขายดอจคอยน์รวมแล้วกว่า 150 ล้านเหรียญ ซึ่งคิดเป็นมูลค่าประมาณ 18 ล้านดอลลาร์ หรือกว่า 260 ล้านบาท ตามราคาตลาดปัจจุบัน ปริมาณขายขนาดนี้สร้างแรงกดดันทางจิตวิทยาให้กับนักลงทุนรายย่อย และเป็นอีกหนึ่งปัจจัยหลักที่ฉุดรั้งราคาของดอจคอยน์
แม้ว่าตลาดวอลล์สตรีทจะได้เห็นการเปิดตัวของกองทุน ETF ที่อ้างอิงดอจคอยน์อย่างเป็นทางการในเดือนที่แล้ว ได้แก่ GDOG ที่บริหารโดยเกรย์สเกล และ BWOW จากบิตไวส์ ซึ่งนับเป็นครั้งแรกของ ‘เหรียญมีม’ ที่ได้รับสถานะ ETF อย่างเป็นทางการ แต่ความคาดหวังกลับสวนทางกับกระแสเงินทุนจริง ข้อมูลจากแพลตฟอร์ม SoSoValue ระบุว่า กองทุนเหล่านี้มีเงินทุนไหลเข้าเพียง 2 ล้านดอลลาร์ หรือราว 29 ล้านบาทเท่านั้น ในขณะที่กองทุน XRP ETF มีเงินไหลเข้าในช่วงเวลาเดียวกันมากถึง 1.1 พันล้านดอลลาร์ การเปรียบเทียบนี้สะท้อนว่าความสนใจจากนักลงทุนสถาบันยังมีอย่างจำกัด นอกจากนี้ยังไม่มีการเคลื่อนไหวเพิ่มเติมใน ETF ของดอจคอยน์นับตั้งแต่วันที่ 10 ธันวาคม
หนึ่งในจุดแข็งที่เคยสร้างมูลค่าให้กับดอจคอยน์ คือ ‘เอฟเฟกต์อีลอน’ ซึ่งหมายถึงผลกระทบจากการโพสต์บนโซเชียลมีเดียของอีลอน มัสก์(Elon Musk) ที่เคยทำให้ราคาเหรียญพุ่งสูงแบบก้าวกระโดด อย่างไรก็ดี ปัจจุบันอิทธิพลของเขาต่อดอจคอยน์ดูจะจางลงอย่างเห็นได้ชัด เพราะแทบไม่มีการกล่าวถึงหรือสนับสนุนอีกต่อไป ความคิดเห็นหนึ่งจากผู้เชี่ยวชาญอุตสาหกรรม ระบุว่า “เหรียญมีมมีธรรมชาติของการพึ่งพากระแสโซเชียลและบุคคลที่มีชื่อเสียง จึงยากจะรักษาทิศทางขาขึ้นในระยะยาวโดยไม่มีแรงสนับสนุนจากสถาบันใหญ่และความมั่นคงทางพื้นฐาน”
แม้ดอจคอยน์จะยังมีโอกาสกลับมาได้รับความสนใจในอนาคต แต่เมื่อดูจากสถานการณ์ปัจจุบัน เชื่อว่า ‘ความสำคัญ’ ของมันในตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลได้ลดน้อยถอยลงไปอย่างชัดเจนแล้ว
ความคิดเห็น 0