มูลค่ามิยืดถือตามสัญญาซื้อขายล่วงหน้าของโดจคอยน์(DOGE) กลับมายืนเหนือระดับ 1.5 พันล้านดอลลาร์ (ราว 2.15 หมื่นล้านบาท) ได้อีกครั้ง เป็นสัญญาณบวกที่ชี้ให้เห็นถึง ‘การฟื้นตัวของความสนใจตลาด’ แม้ว่าปริมาณการซื้อขายจะยังคงอยู่ในระดับต่ำเป็นประวัติการณ์ ความเคลื่อนไหวนี้เป็นที่จับตา เนื่องจากหากดูจากข้อมูลในอดีต การเพิ่มขึ้นของมูลค่ามิยืดถือมักเป็นแรงขับให้ราคาฟื้นตัวตามมา
หลังจากที่โดจคอยน์ทำสถิติมิยืดถือสูงสุดเมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา ที่ระดับ 6.01 พันล้านดอลลาร์ (ประมาณ 8.6 ล้านล้านบาท) แต่แล้วตัวเลขดังกล่าวก็ร่วงลงอย่างรวดเร็ว โดยแตะระดับต่ำสุดในวันที่ 19 ธันวาคมที่ 1.3 พันล้านดอลลาร์ (ราว 1.86 หมื่นล้านบาท) ซึ่งกินระยะเวลาไม่ถึงสามเดือน อย่างไรก็ดี ภายในเวลาเพียงหนึ่งสัปดาห์ มูลค่ามิยืดถือก็กลับฟื้นสู่ระดับ 1.5 พันล้านดอลลาร์และยังคงทรงตัวอยู่ในระดับนั้นในขณะนี้ การเคลื่อนไหวดังกล่าวสะท้อนว่า *นักลงทุนเริ่มกลับมาเปิดสถานะและเพิ่มความเชื่อมั่นอีกครั้ง*
‘มูลค่ามิยืดถือ’ หรือ Open Interest หมายถึง ปริมาณรวมของสัญญาฟิวเจอร์สหรือออปชั่นที่ยังไม่ถูกปิดหรือชำระ ซึ่งการเพิ่มขึ้นของตัวเลขนี้มักบ่งชี้ว่ามีนักลงทุนรายใหม่เข้าสู่ตลาด และเงินทุนไหลเข้ามากขึ้น ความเชื่อมโยงระหว่างจุดสูงของมิยืดถือในเดือนกันยายนกับราคาที่เคยพุ่งใกล้ระดับ 0.30 ดอลลาร์ ทำให้นักวิเคราะห์บางรายเริ่มคาดการณ์ว่าเรากำลังจะเห็นการ ‘ทำซ้ำของประวัติศาสตร์’ ในเร็วๆ นี้
อย่างไรก็ตาม ขณะที่มิยืดถือดีดตัวขึ้นอย่างชัดเจน ปริมาณการซื้อขายรายวันของโดจคอยน์ยังคง ‘ซบเซาอย่างต่อเนื่อง’ ตามข้อมูลจาก Coinglass ปริมาณซื้อขายในเดือนนี้ถือเป็นระดับต่ำที่สุดของปี 2025 ซึ่งสะท้อนถึง *ความลังเลของนักลงทุนและภาวะซบเซาโดยรวมของตลาดคริปโต*
ดัชนีความกลัวและความโลภ (Fear & Greed Index) ปัจจุบันยืนอยู่ที่ระดับ 24 หมายถึงสภาวะ ‘กลัวอย่างรุนแรง’ ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่า บรรดานักลงทุนยังคงหลีกเลี่ยงการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยง ท่ามกลางการฟื้นตัวของมิยืดถือที่เกิดขึ้นในช่วงบรรยากาศเช่นนี้ ถือเป็นเหตุการณ์ที่น่าสนใจและควรจับตา
ในภาพรวม การฟื้นตัวของมูลค่ามิยืดถือในช่วงปลายปี อาจถูกตีความว่าเป็น ‘สัญญาณการกลับมาของความเชื่อมั่น’ หากดูจากแนวโน้มในอดีต โดจคอยน์มักแสดงการปรับตัวขึ้นของราคาหลังจากมิยืดถือเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ดี การที่ปริมาณซื้อขายยังไม่ร่วมหนุน อาจทำให้แรงส่งราคาในรอบนี้ ‘ไม่มีความมั่นคง’ จึงเป็นสิ่งที่ต้องพิจารณาให้รอบคอบ
แม้ว่าสถานการณ์เศรษฐกิจโลกยังไม่เอื้ออำนวยนัก แต่โดจคอยน์ดูเหมือนจะพยายามสร้างฐานราคาทางเทคนิคใหม่ ซึ่งอาจเปิดโอกาสสำหรับ *แรงกระตุ้นการดีดตัวระยะสั้น* อย่างไรก็ตาม หากปราศจากการฟื้นตัวของ *สภาพคล่อง* และ *ความเชื่อมั่นนักลงทุน* ที่ชัดเจน การพุ่งขึ้นของราคาจะมีความเสี่ยงสูง และอาจไม่นำไปสู่แนวโน้มระยะยาวที่มั่นคงได้ ความเคลื่อนไหวของตลาดในช่วงปลายปีนี้จึงน่าติดตามอย่างใกล้ชิด
ความคิดเห็น 0