ประธานาธิบดีนายิบ บูเคเล แห่งเอลซัลวาดอร์ประกาศว่าจะเดินหน้าลงทุนในบิตคอยน์(BTC) ต่อไป แม้จะถูกกองทุนการเงินระหว่างประเทศ(IMF) กดดันให้ละทิ้งนโยบายดังกล่าว
ล่าสุด บูเคเลใช้บัญชี X (เดิมคือทวิตเตอร์) ของเขาเพื่อยืนยันว่า เอลซัลวาดอร์จะไม่ยุติการซื้อบิตคอยน์ "แม้โลกจะต่อต้านเรา แม้แต่นักลงทุนบิตคอยน์บางคนก็หันหลังให้เรา แต่เราก็ไม่เคยหยุด และเราจะไม่หยุด" เขาระบุอย่างหนักแน่น
IMF เพิ่งบรรลุข้อตกลงปล่อยเงินกู้มูลค่า 1.4 พันล้านดอลลาร์ (ประมาณ 51,000 ล้านบาท) ให้เอลซัลวาดอร์ โดยตั้งเงื่อนไขให้รัฐบาลยุติการถือครองบิตคอยน์ และยุบ ‘Fidebitcoin’ ซึ่งเป็นกองทุนบิตคอยน์ของประเทศ นอกจากนี้ IMF ยังเรียกร้องให้รัฐบาลเลิกแทรกแซงการดำเนินงานของ ‘Chivo’ กระเป๋าเงินดิจิทัลที่รัฐบาลให้การสนับสนุน และเปิดเผยที่อยู่กระเป๋าเงินคริปโตที่เกี่ยวข้องกับภาครัฐทั้งหมด ซึ่งเป้าหมายคือการลดอิทธิพลของคริปโตในระบบการเงินของประเทศ
อย่างไรก็ตาม เอลซัลวาดอร์เลือกเดินสวนทางกับข้อเรียกร้องของ IMF โดยเมื่อวันที่ 5 ที่ผ่านมา สำนักงานบริหารบิตคอยน์ของประเทศประกาศว่าได้ซื้อ BTC เพิ่ม ส่งผลให้ปริมาณที่รัฐบาลถือครองพุ่งขึ้นเป็น 6,101 BTC คิดเป็นมูลค่ากว่า 510 ล้านดอลลาร์ (ราว 17,850 ล้านบาท)
เอลซัลวาดอร์สร้างประวัติศาสตร์ในปี 2021 ด้วยการเป็นประเทศแรกที่ยอมรับบิตคอยน์เป็นสกุลเงินที่ถูกกฎหมาย โดยบูเคเลเชื่อว่านโยบายนี้จะช่วยเพิ่มการเข้าถึงบริการทางการเงินและทำให้การโอนเงินระหว่างประเทศง่ายขึ้น อย่างไรก็ตาม เมื่อเข้าสู่ตลาดขาลงปี 2022-2023 ราคาบิตคอยน์ร่วงหนัก ทำให้เกิดคำถามถึงความยั่งยืนของนโยบายจนเอลซัลวาดอร์ต้องหันไปขอความช่วยเหลือทางการเงินจาก IMF ซึ่งนำไปสู่เงื่อนไขเงินกู้ที่อาจกระทบต่อนโยบายคริปโตของรัฐบาล
ทั้งนี้ ท่าทีของบูเคเลในการสนับสนุนบิตคอยน์อย่างหนักแน่นได้รับเสียงตอบรับที่แตกต่างกัน ไมเคิล เซย์เลอร์ ประธานไมโครสตราเตจี ชื่นชมการตัดสินใจนี้ แต่บางฝ่ายเตือนว่าความขัดแย้งกับ IMF อาจทำให้โอกาสได้รับเงินช่วยเหลือในอนาคตลดลง
ความคิดเห็น 0