อุตสาหกรรมอนิเมะญี่ปุ่นกำลังเผชิญกับขีดจำกัดของระบบดั้งเดิม และเทคโนโลยี Web3 อาจเป็นทางออก จากรายงานของ ‘โฟร์พิลลาร์ส(Four Pillars)’, อุตสาหกรรมอนิเมะในญี่ปุ่นยังคงอาศัยระบบ ‘คณะกรรมการผลิต(Production Committee)’ เป็นแกนหลัก ส่งผลให้เกิดปัญหาหลายประการ เช่น การขาดการสื่อสารที่มีประสิทธิภาพระหว่างผู้สร้างและแฟนๆ, ความยากลำบากในด้านการระดมทุนของสตูดิโอ และข้อจำกัดเชิงโครงสร้างที่ขวางกั้นการเติบโตของอุตสาหกรรม โมเดลธุรกิจแบบ Web3 ที่ใช้เทคโนโลยีบล็อกเชนจึงถูกเสนอให้เป็นทางเลือกใหม่
ในช่วงไม่กี่ทศวรรษที่ผ่านมา อุตสาหกรรมอนิเมะมีอัตราการเติบโตอย่างมหาศาลในตลาดโลก จากข้อมูลของ ‘โฟร์พิลลาร์ส’, ในปี 2012 รายได้จากต่างประเทศของอุตสาหกรรมนี้คิดเป็นเพียง 17% ของตลาดทั้งหมด แต่ด้วยการขยายตัวของแพลตฟอร์ม OTT อย่าง ‘เน็ตฟลิกซ์(Netflix)’ และ ‘ดิสนีย์พลัส(Disney+)’ รวมถึงการเข้าถึงผ่านสื่อใหม่ อย่างยูทูบ ทำให้อนิเมะกลายเป็นส่วนสำคัญของวัฒนธรรมกระแสหลักระดับโลก ในปี 2023 มูลค่าตลาดอนิเมะญี่ปุ่นแตะระดับ 3.34 ล้านล้านเยน โดยรายได้จากต่างประเทศมีสัดส่วนมากกว่า 50% ของทั้งหมด อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์เตือนว่าหากโครงสร้างอุตสาหกรรมยังคงเดิม การเติบโตอาจถูกจำกัดในระยะยาว
ปัจจุบัน รูปแบบการผลิตอนิเมะในญี่ปุ่น ยังคงขึ้นอยู่กับ ‘คณะกรรมการผลิต’ ซึ่งเป็นระบบการลงทุนร่วมที่ช่วยกระจายความเสี่ยงของผู้เกี่ยวข้อง อย่างไรก็ตาม กลับสร้างปัญหาเชิงโครงสร้างที่ทำให้สตูดิโอและนักสร้างสรรค์ได้รับผลตอบแทนต่ำ โดยเฉพาะในแง่ของรายได้และสิทธิ์ในผลงาน อีกทั้ง แฟนๆ ทั่วโลกที่ต้องการมีส่วนร่วมในการสนับสนุนโครงการต่างๆ ก็มักเผชิญข้อจำกัดเชิงระบบ ทำให้เกิดแนวคิดในการนำเทคโนโลยี Web3 มาเป็นทางแก้
Web3 เป็นแนวทางเศรษฐกิจแบบกระจายศูนย์ที่อาศัยบล็อกเชนเป็นโครงสร้างพื้นฐาน ซึ่งหากนำมาปรับใช้ในอุตสาหกรรมอนิเมะ อาจช่วยให้ศิลปินสามารถสื่อสารและระดมทุนโดยตรงจากแฟนๆ ผ่าน ‘โทเคโนมิกส์(Tokenomics)’ ตัวอย่างการใช้งาน ได้แก่ การขายสินค้าดิจิทัลผ่าน ‘NFT(โทเค็นที่เปลี่ยนแปลงไม่ได้)’, การใช้ ‘DAO(องค์กรอัตโนมัติแบบกระจายศูนย์)’ เพื่อเปิดโอกาสให้ชุมชนร่วมสนับสนุนการผลิตคอนเทนต์ และการกระจายสิทธิ์ในทรัพย์สินทางปัญญา(IP) ซึ่งหากระบบนี้ประสบความสำเร็จ อาจเปิดทางให้นักสร้างสรรค์สามารถผลิตผลงานที่แปลกใหม่และอิสระมากขึ้น
หนึ่งในโครงการ Web3 สำหรับอุตสาหกรรมอนิเมะที่ได้รับความสนใจคือ ‘อะนิเมะคอยน์(Animecoin)’ ซึ่งมุ่งเน้นการสร้างระบบนิเวศแบบบล็อกเชนสำหรับอนิเมะโดยเฉพาะ โครงการนี้ประกอบไปด้วย ‘Azuki Entertainment’, ‘Anime.com’ และ ‘Animechain($ANIME)’ ที่ทำหน้าที่สำรวจว่าเทคโนโลยีดังกล่าวจะช่วยยกระดับอุตสาหกรรมอนิเมะได้อย่างไร ตัวแทนโครงการระบุว่า “เป้าหมายของเราคือการสร้างโมเดลที่ให้ศิลปินและแฟนๆ เติบโตไปพร้อมกันผ่านเทคโนโลยีบล็อกเชน”
แม้ว่าการนำ Web3 มาใช้ในอุตสาหกรรมอนิเมะจะเป็นหัวข้อที่ยังต้องมีการถกเถียงกันต่อไป แต่แนวคิดแบบ ‘กระจายศูนย์’ และ ‘เศรษฐกิจแบ่งปัน’ ของเทคโนโลยีนี้อาจช่วยแก้ปัญหาเชิงโครงสร้างบางอย่างของอุตสาหกรรมได้ อย่างไรก็ตาม ยังมีอุปสรรคด้านกฎระเบียบและเทคนิคที่ต้องแก้ไขก่อนจะสามารถนำมาใช้งานได้อย่างเต็มรูปแบบ ‘โฟร์พิลลาร์ส’ วิเคราะห์ว่า “Web3 อาจไม่สามารถเปลี่ยนอุตสาหกรรมอนิเมะได้ในทันที แต่จะสร้างกระบวนการเปลี่ยนแปลงอย่างค่อยเป็นค่อยไป” พร้อมเสริมว่า “โมเดลระดมทุนแบบคราวด์ฟันดิ้ง และธุรกิจที่ขับเคลื่อนด้วย NFT มีแนวโน้มที่จะช่วยบรรเทาปัญหาเชิงโครงสร้างของอุตสาหกรรม”
เมื่ออนิเมะมีบทบาทสำคัญในอุตสาหกรรมบันเทิงระดับโลก ความเคลื่อนไหวที่ใช้ Web3 เป็นตัวขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงน่าจะดำเนินต่อไป ความเป็นไปได้ของแผนงานเหล่านี้และผลลัพธ์ที่พวกมันจะสร้างขึ้น ยังเป็นสิ่งที่ทุกฝ่ายต้องจับตามองอย่างใกล้ชิด
ความคิดเห็น 0