สกอตต์ เบเซนต์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังสหรัฐฯ แสดงจุดยืนว่า ‘บิตคอยน์(BTC) ควรถูกนำเข้าสู่สหรัฐฯ’ และเน้นย้ำถึงแผนการถือครองบิตคอยน์เพิ่มเติมของรัฐบาล
เมื่อวันที่ 7 มีนาคม เบเซนต์กล่าวในงานประชุมสุดยอดสินทรัพย์ดิจิทัลที่ทำเนียบขาวว่า สหรัฐฯ ควรเป็นผู้นำด้านนโยบายบิตคอยน์ในระดับโลก พร้อมเสนอว่าแทนที่รัฐบาลจะขายบิตคอยน์ที่มีอยู่ ควรนำมาใช้เป็น ‘สินทรัพย์สำรองเชิงกลยุทธ์’ แทน โดยให้สัมภาษณ์กับ CNBC ว่า “สหรัฐฯ ต้องเป็นผู้นำอุตสาหกรรมคริปโต และเพื่อให้เกิดขึ้นได้ เราต้องนำบิตคอยน์เข้าสู่ประเทศ พร้อมกำหนดกฎระเบียบที่ชัดเจน”
โดยรายละเอียดของแนวทางนี้ เบเซนต์ระบุว่า ก่อนที่รัฐบาลจะขายบิตคอยน์ที่ถูกยึดมา ควรให้ความสำคัญกับการชดเชยเหยื่อในคดีที่มีคำตัดสินเสร็จสิ้นเสียก่อน ส่วนบิตคอยน์ที่เหลือจะถูกนำเข้าสู่ ‘แผนสำรองทางยุทธศาสตร์’ ของรัฐบาล
คำแถลงของเบเซนต์เกิดขึ้นหลังจากประธานาธิบดีทรัมป์เพิ่งลงนามในคำสั่งบริหารเมื่อวันที่ 6 มีนาคม ซึ่งกำหนดแนวทางที่ชัดเจนเกี่ยวกับการถือครองบิตคอยน์และนโยบายสินทรัพย์ดิจิทัลของรัฐบาล โดยมีแผนจะเชิญบุคคลสำคัญในอุตสาหกรรมเข้าร่วมประชุมที่ทำเนียบขาวเพื่อหารือประเด็นดังกล่าวเพิ่มเติม
ท่าทีของเบเซนต์สะท้อนเจตนารมณ์ของรัฐบาลสหรัฐฯ ในการกำหนดให้บิตคอยน์เป็น ‘สินทรัพย์ยุทธศาสตร์ระดับชาติ’ ผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมมองว่า หากสหรัฐฯ นำแนวทางนี้ไปใช้ อาจส่งผลให้ประเทศอื่นๆ ปฏิบัติตามเช่นกัน
นักลงทุนสถาบันหลายรายวิเคราะห์ว่า แนวทางใหม่นี้อาจกระตุ้นให้มีการลงทุนในตลาดมากขึ้น พร้อมเสริมสร้างสถานะของบิตคอยน์ในฐานะ ‘ทองคำดิจิทัล’ และสินทรัพย์เก็บมูลค่าระยะยาว
อย่างไรก็ตาม ฝ่ายที่มีความกังวลบางส่วนมองว่า ตลาดคริปโตยังคงอ่อนไหวต่อปัจจัยเศรษฐกิจมหภาค เช่น ข้อพิพาททางการค้าและนโยบายดอกเบี้ย ซึ่งอาจทำให้ราคาผันผวนในระยะสั้น
การตัดสินใจเชิงนโยบายที่เกิดขึ้นในงานประชุมที่ทำเนียบขาวครั้งนี้ กำลังได้รับความสนใจอย่างมากจากตลาดคริปโตทั่วโลก
ความคิดเห็น 0