ประธานาธิบดีทรัมป์เพิ่งลงนามในคำสั่งบริหาร ‘การสำรองบิตคอยน์’ ซึ่งก่อให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวาง นักเศรษฐศาสตร์ชาวอเมริกัน ปีเตอร์ ชิฟฟ์(Peter Schiff) ซึ่งเป็นที่รู้กันว่าเป็นผู้ที่ไม่เชื่อมั่นในบิตคอยน์(BTC) ออกมาวิจารณ์ว่าการตัดสินใจครั้งนี้มีที่มาจากความขัดแย้งด้านผลประโยชน์ของผู้สนับสนุนทรัมป์และคณะรัฐมนตรีของเขา
เมื่อวันที่ 6 มีนาคม ประธานาธิบดีทรัมป์ลงนามในคำสั่งบริหารที่ทำให้ ‘การสำรองบิตคอยน์เชิงกลยุทธ์’ เป็นทางการ โดยสาระสำคัญของมาตรการนี้คือ รัฐบาลสหรัฐฯ จะไม่ขายบิตคอยน์ประมาณ 200,000 เหรียญที่ยึดมาได้จากการบังคับใช้กฎหมาย แต่จะ ‘เก็บรักษา’ ไว้ โดยออกแบบให้ทำหน้าที่คล้าย ‘ดิจิทัลฟอร์ตน็อกซ์’ คำสั่งนี้ยังรวมถึงข้อกำหนดเกี่ยวกับการสำรองสินทรัพย์ดิจิทัลอื่น ๆ เช่น อีเธอเรียม(ETH), โซลานา(SOL), คาร์ดาโน(ADA) และ ริปเปิล(XRP) อย่างไรก็ตาม นโยบายนี้ไม่ได้หมายความว่ารัฐบาลจะซื้อสกุลเงินดิจิทัลเพิ่ม แต่จะสำรองเฉพาะสินทรัพย์ที่ถูกยึดไว้เท่านั้น
ปีเตอร์ ชิฟฟ์เตือนว่าการดำเนินการครั้งนี้สะท้อนถึงอิทธิพลของผู้สนับสนุนอุตสาหกรรมคริปโตที่มีต่อทรัมป์ โดยกล่าวว่า "ทรัมป์ลงนามคำสั่งนี้ภายใต้แรงกดดันจากผู้สนับสนุนทางการเงินและคณะรัฐมนตรีที่มีผลประโยชน์ทับซ้อน" ที่ผ่านมา กลุ่มธุรกิจคริปโตได้บริจาคเงินสนับสนุนแคมเปญเลือกตั้งของทรัมป์ไปแล้วกว่า 22 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 32,100 ล้านบาท)
ชิฟฟ์ยังกังวลเกี่ยวกับข้อเสนอที่เกี่ยวข้องกับการขายทองคำสำรองของรัฐบาลสหรัฐฯ เพื่อนำเงินไปลงทุนในบิตคอยน์ โดยเขาให้ความเห็นว่า “การขายทองคำเพื่อซื้อบิตคอยน์ไม่ได้แตกต่างจากการแจกเงินสดโดยตรง” อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์บางรายมองว่านี่อาจเป็นแนวทางที่สามารถลดต้นทุนโอกาสโดยไม่ต้องเพิ่มภาระภาษี
ในอีกมุมหนึ่ง อุตสาหกรรมคริปโตกลับมองว่านี่เป็นก้าวสำคัญที่อาจช่วยเร่งให้บิตคอยน์ถูกรวมเข้ากับระบบการเงินกระแสหลัก โจ เบอร์เน็ตต์(Joe Burnett) หัวหน้าฝ่ายวิเคราะห์ตลาดของ Unchained แสดงความเห็นว่า “นี่เป็นก้าวแรกของสหรัฐฯ ในการนำบิตคอยน์เข้าสู่ระบบการเงินโลก” เขาเชื่อว่าการดำเนินนโยบายนี้จะช่วยกระตุ้นการพัฒนาผลิตภัณฑ์ทางการเงินใหม่ ๆ และเพิ่มความนิยมในการใช้บิตคอยน์เพื่อการทำธุรกรรมข้ามพรมแดน
นอกจากนี้ ยังมีความคิดเห็นว่าแนวทางของทรัมป์อาจส่งผลต่อทิศทางของประเทศอื่น ๆ ด้วย เบอร์เน็ตต์เสริมว่า "ประเทศที่ยอมรับการเปลี่ยนแปลงอาจได้เปรียบในการแข่งขัน ในขณะที่ประเทศที่ต่อต้านอาจเสี่ยงต่อการล้าหลัง"
ท่ามกลางความเห็นที่แตกต่างกัน คำสั่งของทรัมป์เกี่ยวกับการสำรองบิตคอยน์จะยังคงเป็นประเด็นที่ต้องจับตามอง ว่าจะส่งผลต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ และตลาดคริปโตในระยะยาวอย่างไร
ความคิดเห็น 0