โซลานา(SOL) มีแนวโน้มฟื้นตัวหลังจากร่วงลงมาอยู่ที่ 125 ดอลลาร์ แต่สามารถกลับขึ้นมาได้เกือบ 17% แตะระดับ 145 ดอลลาร์ อย่างไรก็ตาม ราคายังคงต่ำกว่าจุดสูงสุดที่ทำไว้เมื่อวันที่ 19 มกราคม ซึ่งอยู่ที่ 295 ดอลลาร์ถึง 50% ท่ามกลางความผันผวนนี้ นักวิเคราะห์กำลังจับตาดูว่า SOL จะสามารถฝ่าแนวต้าน 180 ดอลลาร์ได้หรือไม่
ปัจจัยสำคัญที่กดดันราคา SOL ในช่วงที่ผ่านมา ได้แก่ การล่มสลายของตลาดมีมคอยน์และการลดลงของกิจกรรมบนเชน ข้อมูลจาก DefiLlama ระบุว่า รายได้จากค่าธรรมเนียมของเครือข่ายโซลานาลดลงถึง 73% ในช่วง 4 สัปดาห์ที่ผ่านมา นอกจากนี้ จำนวนผู้ใช้งานของแพลตฟอร์มสเตกกิ้งรายใหญ่ที่สุดของโซลานา ‘Jito’ ลดลง 56% ภายใน 30 วัน และตลาด NFT อย่าง Magic Eden ก็มียอดผู้ใช้หดตัวถึง 38% ในช่วงเวลาเดียวกัน ซึ่งแสดงให้เห็นว่ากิจกรรมโดยรวมบนเครือข่ายกำลังชะลอตัว
อีกปัจจัยหนึ่งที่ฉุดรั้งการฟื้นตัวของ SOL คือ อัตราเลเวอเรจที่ลดลงในตลาดฟิวเจอร์ส ข้อมูลจาก CoinGlass ชี้ว่า อัตราค่าธรรมเนียมฟันดิ้ง (Funding Rate) สำหรับฟิวเจอร์สแบบไร้วันหมดอายุของ SOL ติดลบต่อเนื่องเป็นเวลา 3 วัน บ่งบอกถึงสัญญาณของแรงกดดันจากฝั่งชอร์ตมากกว่าฝั่งลอง นักลงทุนจึงยังไม่มั่นใจว่า SOL จะสามารถเริ่มแนวโน้มขาขึ้นได้
นอกจากนี้ มีความกังวลเกี่ยวกับการพึ่งพาปริมาณธุรกรรมที่เกิดจาก ‘Market Maker’ และ ‘MEV Bots’ มากเกินไป MEV Bots เป็นอัลกอริทึมที่มุ่งเน้นทำกำไรจากผู้ใช้ทั่วไป โดยมีรายงานว่าธุรกรรมที่เกี่ยวข้องกับ MEV Bots คิดเป็น 95% ของค่าธรรมเนียมที่เกิดขึ้นบนโซลานา ซึ่งอาจเป็นอุปสรรคต่อการเติบโตของเครือข่ายในระยะยาว
อีกประเด็นหนึ่งที่นักลงทุนติดตามคือ โครงการ ‘World Liberty Financial’ ที่มีความเชื่อมโยงกับประธานาธิบดีทรัมป์ ปัจจุบัน โครงการนี้ได้ประกาศแผนการลงทุนในอีเธอเรียม(ETH), แรปด์บิตคอยน์(WBTC), ทรอน(TRX), เชนลิงก์(LINK) และอาเว(AAVE) แต่ยังไม่มีท่าทีว่าจะลงทุนในโซลานา ซึ่งสร้างความผิดหวังให้กับตลาด
หาก SOL ต้องการกลับไปยืนเหนือ 180 ดอลลาร์ ปัจจัยที่ต้องจับตามอง ได้แก่ การฟื้นตัวของกิจกรรมบนเชน การกลับมาของอุปสงค์เลเวอเรจ การลดการพึ่งพา MEV Bots และการดึงดูดเม็ดเงินจากสถาบัน นักลงทุนยังคงรอดูว่าโซลานาจะสามารถได้รับการอนุมัติ ‘ETF’ หรือหาจุดเปลี่ยนจากการฟื้นตัวของตลาด DeFi เพื่อผลักดันราคากลับคืนมาหรือไม่
ความคิดเห็น 0