บิตคอยน์(BTC) ไม่สามารถรักษาระดับ 80,000 ดอลลาร์ไว้ได้ ส่งผลให้เกิดความกังวลในตลาด เมื่อวันที่ 10 มีนาคม บิตคอยน์ร่วงลงมาถึง 78,000 ดอลลาร์ ขณะที่ผู้เชี่ยวชาญเตือนถึงความเป็นไปได้ที่ราคาจะลดลงอีก อาเธอร์ เฮย์ส(Arthur Hayes) ผู้ร่วมก่อตั้ง BitMEX วิเคราะห์ว่าบิตคอยน์อาจร่วงถึง 75,000 ดอลลาร์ โดยมีสถานะออปชันขนาดใหญ่ในช่วง 70,000-75,000 ดอลลาร์ ซึ่งอาจเพิ่มความผันผวนให้กับตลาด
การปรับฐานในครั้งนี้เกิดจากความต้องการของนักลงทุนสถาบันที่ลดลง ประกอบกับเงินทุนไหลออกจากกองทุน ETF บิตคอยน์เพิ่มขึ้น ในช่วงสี่วันที่ผ่านมา มีการบังคับปิดสถานะ Long คิดเป็นมูลค่ารวม 5 พันล้านดอลลาร์ (ประมาณ 7.3 ล้านล้านวอน) ส่งผลให้ตลาดเผชิญแรงกดดันด้านราคามากขึ้น นอกจากนี้ บิตคอยน์ยังร่วงต่ำกว่าค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 200 วัน ซึ่งถือเป็นสัญญาณเชิงลบทางเทคนิค
บริษัทวิจัยตลาด 10x Research ประเมินว่าการปรับฐานครั้งนี้เป็น 'การปรับฐานปกติ' แต่ชี้ว่าการขายแบบตื่นตระหนกจากนักลงทุนรายใหม่ในช่วงสามเดือนที่ผ่านมาเป็นปัจจัยหลักที่ฉุดรั้งราคา ดัชนี ‘ความกลัวและความโลภ’ ของบิตคอยน์ลดลงถึงระดับ 20 แสดงถึงสภาวะ ‘กลัวสุดขีด’ นอกจากนี้ เอลซัลวาดอร์ ซึ่งเป็นผู้สนับสนุนบิตคอยน์ ยังประกาศระงับโครงการเกี่ยวกับบิตคอยน์ชั่วคราว ส่งผลให้ความเชื่อมั่นในตลาดยิ่งลดลง
ปัจจัยสำคัญที่อาจกำหนดทิศทางราคาบิตคอยน์ต่อจากนี้คือ รายงานตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐฯ และนโยบายดอกเบี้ย หากภาวะเงินเฟ้อยังคงสูง ธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) อาจคงจุดยืดทางการเงินที่เข้มงวดต่อไป ซึ่งจะเป็นแรงกดดันต่อตลาดสินทรัพย์เสี่ยง นอกจากนี้ ความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ และแคนาดายังเป็นอีกปัจจัยที่กระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุน
นักวิเคราะห์เตือนว่าหากบิตคอยน์ไม่สามารถรักษาระดับแนวรับที่ 80,000 ดอลลาร์ อาจมีโอกาสร่วงต่ำถึง 70,000 ดอลลาร์ อย่างไรก็ตาม หากความต้องการของนักลงทุนสถาบันกลับมาในช่วงครึ่งปีหลัง อาจส่งผลให้ตลาดมีโอกาสฟื้นตัวอีกครั้ง
ความคิดเห็น 0