บิตคอยน์(BTC) ร่วงลงแตะระดับ 78,000 ดอลลาร์ ยังคงแสดงแนวโน้มขาลง ขณะที่ดัชนีหลักในวอลล์สตรีทก็เผชิญแรงเทขายหนัก นักลงทุนเริ่มแสดงความกังวลเมื่อ S&P 500 และแนสแด็กทรุดตัวลง 2% และ 3.5% ตามลำดับ สะท้อนถึงทิศทางการปรับฐานของสินทรัพย์เสี่ยงโดยรวม
บริษัทวิเคราะห์ตลาด โคเบย์ซี เลเตอร์(The Kobeissi Letter) ให้ความเห็นว่าการลดการใช้จ่ายของรัฐบาลสหรัฐฯ เป็นปัจจัยสำคัญที่ฉุดความเชื่อมั่นของตลาด โดยชี้ว่า "แม้ว่าความกังวลต่อสงครามการค้าจะเพิ่มขึ้น แต่การใช้จ่ายภาครัฐที่ลดลงก็เป็นปัจจัยที่ไม่ควรละเลย" พร้อมระบุว่า "เนื่องจากงบประมาณภาครัฐและอัตราการจ้างงานเป็นแรงขับเคลื่อนเศรษฐกิจมาโดยตลอด ผลกระทบในระยะยาวอาจมากกว่าที่คาดการณ์ไว้"
ขณะที่บิตคอยน์พยายามหาจุดรับใหม่ นักวิเคราะห์บางรายเริ่มจับตาดัชนีความแข็งแกร่งสัมพัทธ์(RSI) ซึ่งอาจบ่งชี้สัญญาณฟื้นตัวของราคา นักเทรดชื่อดัง เร็กต์ แคปิตอล(Rekt Capital) กล่าวถึงความเป็นไปได้ของ ‘ไดเวอร์เจนซ์ขาขึ้น’ ว่า "แม้ว่าบิตคอยน์จะทำจุดต่ำลงในแง่ของราคา แต่หาก RSI สร้างจุดต่ำสูงขึ้น อาจถือเป็นสัญญาณการฟื้นตัว" จากข้อมูลในอดีตพบว่า RSI รายวันมักส่งสัญญาณการดีดตัวเมื่อแตะระดับต่ำกว่า 28 ขณะที่ปัจจุบัน RSI อยู่ที่ 33.2
นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับผลกระทบจากเหตุโจมตีทางไซเบอร์ที่กระดานเทรด ไบบิท(Bybit) โดนแฮ็ก ซึ่งเป็นอีกปัจจัยที่เร่งการเทขาย บริษัทเทรดดิ้ง คิวซีพี แคปิตอล(QCP Capital) เปิดเผยว่าผู้โจมตีสามารถแปลงสินทรัพย์ที่ถูกขโมยกว่า 25% ไปเป็นเงินสดแล้ว ทำให้เกิดความกังวลว่าอาจมีแรงขายเพิ่มขึ้น ส่งผลลบต่อราคาตลาด นอกจากนี้ ความต้องการซื้อ ‘พุตออปชั่น’ ที่เพิ่มขึ้นในตลาดอนุพันธ์ ยังสะท้อนถึงความไม่มั่นใจของนักลงทุน
สำหรับแนวโน้มในอนาคต คิวซีพี แคปิตอลคาดว่าความสัมพันธ์ระหว่างบิตคอยน์และตลาดหุ้นสหรัฐฯ อาจแน่นแฟ้นขึ้นในระยะสั้น ขณะที่รายงานตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญ เช่น ดัชนีราคาผู้บริโภค(CPI) และดัชนีราคาผู้ผลิต(PPI) ที่มีกำหนดเผยแพร่ในสัปดาห์นี้ อาจเป็นตัวแปรสำคัญที่เพิ่มความผันผวนให้กับตลาดต่อไป
ความคิดเห็น 0