กลยุทธ์การลงทุนบิตคอยน์(BTC) ของไมเคิล เซย์เลอร์ ยังคงสร้างกำไรประเมินมูลค่ากว่า 7.8 พันล้านดอลลาร์ แม้ว่าตลาดจะเผชิญกับการปรับฐาน
ราคาบิตคอยน์(BTC) ลดลงอย่างมากในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยจากระดับ 93,379 ดอลลาร์ในวันที่ 3 มีนาคม ลดลงมาอยู่ที่ 80,610 ดอลลาร์ในวันที่ 10 มีนาคม คิดเป็นการร่วงลงถึง 13.6% อย่างไรก็ตาม ไมเคิล เซย์เลอร์ ผู้นำของบริษัท มายโครสแตรทีจี (MicroStrategy) ยังคงเห็นกำไรจากการถือครองบิตคอยน์ด้วยแนวทางการสะสมสินทรัพย์อย่างต่อเนื่อง
ปัจจุบัน มายโครสแตรทีจีถือครองบิตคอยน์จำนวน 499,096 BTC โดยมีต้นทุนเฉลี่ยที่ 66,423 ดอลลาร์ต่อเหรียญ คิดเป็นมูลค่ารวม 33.1 พันล้านดอลลาร์ ขณะที่ราคาประเมินมูลค่าปัจจุบันอยู่ที่ประมาณ 41.2 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงกลยุทธ์การลงทุนระยะยาวที่ให้ผลตอบแทนเป็นรูปธรรม แม้ราคาจะมีความผันผวน
มายโครสแตรทีจีนำหลัก ‘DCA’ (Dollar Cost Averaging) มาใช้ในการซื้อบิตคอยน์ โดยมุ่งเน้นการลงทุนอย่างสม่ำเสมอโดยไม่คำนึงถึงความผันผวนของราคา ซึ่งช่วยให้สามารถสะสมสินทรัพย์ได้ในระยะยาว และลดความเสี่ยงในการเข้าสู่ตลาดที่จุดสูงสุด กลยุทธ์นี้พิสูจน์แล้วว่าสามารถทนต่อภาวะตลาดขาลงได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ในทางตรงกันข้าม บริษัทอื่นที่นำกลยุทธ์การลงทุนในบิตคอยน์มาใช้ต่างเผชิญกับผลขาดทุน เช่น เซมเลอร์ ไซแอนทิฟิก(Semler Scientific) ซึ่งเป็นบริษัทด้านซอฟต์แวร์และเฮลท์แคร์ ได้ซื้อบิตคอยน์จำนวน 3,192 BTC ในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ที่ราคาต่อเหรียญ 87,850 ดอลลาร์ แต่ขณะนี้มีผลขาดทุนจากการประเมินมูลค่าประมาณ 6.25%
นอกจากนี้ เมตาแพลนเน็ต (Metaplanet) ซึ่งได้รับฉายาว่าเป็น "มายโครสแตรทีจีแห่งเอเชีย" ก็เผชิญกับสถานการณ์คล้ายกัน หลังจากลงทุนซื้อบิตคอยน์จำนวน 2,888 BTC ในราคาเฉลี่ย 83,049 ดอลลาร์ ปัจจุบันอยู่ในภาวะขาดทุนราว 2 ล้านดอลลาร์
มายโครสแตรทีจีเพิ่งสะสมบิตคอยน์เพิ่มอีก 23 พันล้านดอลลาร์ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม การลดลงของราคาทำให้มูลค่าการถือครองในช่วงนี้ลดลงไปกว่า 3 พันล้านดอลลาร์ แต่เนื่องจากกลยุทธ์การถือครองระยะยาว บริษัทจึงสามารถรักษามุมมองเชิงบวกต่อตลาดบิตคอยน์ และยังคงมั่นใจในศักยภาพการเติบโตในอนาคต
ความคิดเห็น 0