บิตคอยน์(BTC) ร่วงแตะระดับ 82,000 ดอลลาร์ในสัปดาห์นี้ ทำให้นักลงทุนจับตาดูแนวโน้มตลาดอย่างใกล้ชิด นโยบายเศรษฐกิจของประธานาธิบดีทรัมป์ รวมถึงตัวชี้วัดเศรษฐกิจที่สำคัญ อาจกลายเป็นปัจจัยกำหนดทิศทางราคาของสินทรัพย์ดิจิทัลนี้ในอนาคต โดยตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญอย่างรายงานการจ้างงานสหรัฐฯ, ดัชนีราคาผู้บริโภค(CPI) และดัชนีราคาผู้ผลิต(PPI) มีกำหนดเผยแพร่เร็วๆ นี้ ซึ่งทั้งหมดนี้จะเป็นตัวขับเคลื่อนความคาดหวังของตลาดต่อการปรับขึ้นหรือปรับลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ(เฟด)
ในวันที่ 11 มีนาคม รายงานอัตราว่างงาน JOLTS จะเปิดเผยสถานการณ์ในตลาดแรงงานสหรัฐฯ หากตัวเลขการจ้างงานใหม่สูงกว่า 7.6 ล้านตำแหน่ง อาจบ่งชี้ถึงความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจ ซึ่งอาจหนุนให้ค่าเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นและกดดันราคาของบิตคอยน์ ตรงกันข้าม หากตัวเลขต่ำกว่าคาดการณ์ ภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวอาจผลักดันให้เฟดลดดอกเบี้ย ซึ่งส่งผลบวกต่อบิตคอยน์
วันต่อมาในวันที่ 12 มีนาคม ดัชนี CPI ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญต่อการกำหนดอัตราดอกเบี้ยจะถูกเผยแพร่ หากอัตราเงินเฟ้อสูงกว่า 2.9% ความคาดหวังต่อการลดดอกเบี้ยอาจลดลง ทำให้ดอลลาร์แข็งค่าขึ้นและสร้างแรงกดดันต่อตลาดคริปโต อย่างไรก็ตามหากตัวเลขต่ำกว่าคาด การคาดการณ์ถึงนโยบายผ่อนคลายทางการเงินของเฟดอาจช่วยหนุนให้ราคาบิตคอยน์ดีดตัวขึ้นได้
ในวันที่ 13 มีนาคม ข้อมูลการขอรับสวัสดิการว่างงานและ PPI จะออกสู่ตลาด หากจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานต่ำกว่าคาด อาจสะท้อนถึงตลาดแรงงานที่แข็งแกร่ง ส่งผลให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ปรับตัวสูงขึ้นและกดดันบิตคอยน์ ในทางกลับกันหากดัชนี PPI ลดต่ำกว่าคาด อาจบ่งชี้ว่าแรงกดดันเงินเฟ้อเริ่มชะลอตัว ซึ่งช่วยหนุนการปรับขึ้นของตลาดคริปโต
ปิดท้ายสัปดาห์ด้วยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคจากมหาวิทยาลัยมิชิแกนในวันที่ 15 มีนาคม หากตัวเลขความเชื่อมั่นอยู่ในระดับสูงอาจดึงดูดเงินลงทุนเข้าสู่ตลาดหุ้นมากขึ้น ในขณะที่หากตัวเลขต่ำกว่าที่คาดการณ์ ความกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวอาจกระตุ้นความต้องการสินทรัพย์ปลอดภัยอย่างบิตคอยน์
แนวโน้มของบิตคอยน์ยังคงผันผวนตามตัวเลขเศรษฐกิจและนโยบายของเฟด โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อทรัมป์ผลักดันนโยบายลดค่าใช้จ่ายภาครัฐ ซึ่งอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว นักลงทุนอาจต้องจับตาดูแนวโน้มของเฟดในช่วงสัปดาห์ข้างหน้า เพื่อประเมินทิศทางการเคลื่อนไหวของตลาดคริปโตต่อไป
ความคิดเห็น 0