แม้จะต้องเผชิญกับนโยบายภาษีคริปโตที่เข้มงวดของรัฐบาล อินเดียก็ยังคงเร่งพัฒนา ‘เว็บ3’ อย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะในภาคบล็อกเชนและเกม ซึ่งถูกขับเคลื่อนโดยนักพัฒนารุ่นใหม่ ‘Gen Z’ การลงทุนในอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องเพิ่มขึ้นถึง 224% เมื่อเทียบกับปีก่อน ตามรายงานล่าสุดของ Hashed Emergent
รายงานระบุว่า ตลอดสิบปีที่ผ่านมา อินเดียเพิ่มสัดส่วน ‘เว็บ3’ นักพัฒนาทั่วโลกจาก 5% เป็น 12% ทำให้กลายเป็นตลาดที่ใหญ่เป็นอันดับสองรองจากสหรัฐฯ การเติบโตนี้ได้รับแรงหนุนจากปัจจัยหลัก เช่น การทำธุรกรรมผ่านกระดานเทรดแบบรวมศูนย์ (CEX) ที่เพิ่มขึ้น เงินทุนจากสถาบัน และการนำ ‘ดีไฟ’(DeFi) มาใช้งานมากขึ้น
ข้อมูลจากรายงานยังเผยว่า ประมาณ 80% ของนักพัฒนา ‘บล็อกเชน’ ในอินเดียอยู่ในช่วงอายุ 18-27 ปี โดยพวกเขามีแนวโน้มเลือกใช้บล็อกเชนอย่าง ‘โซลานา’(SOL), 'ตันคอยน์’(TON), ‘แอพโทส’(APT) และ ‘เบส’(Base) อย่างไรก็ตาม เรื่องค่าตอบแทนที่ยังไม่ถึงมาตรฐานระดับโลก และต้นทุนหาลูกค้าสูง ยังคงเป็นอุปสรรคต่อวงการ
สำหรับภาคเกม ‘เว็บ3’ ปัจจุบันยังคงเผชิญกับปัญหาการดึงดูดผู้เล่นจาก ‘เว็บ2’ เนื่องจากเกมส่วนใหญ่ยังขาดองค์ประกอบด้าน ‘ความสนุก’ ทำให้แนวโน้มล่าสุดคือการพัฒนาเกมให้มีคุณภาพสูงก่อนนำ ‘บล็อกเชน’ มาใช้งาน
แม้ว่าจะมีความไม่แน่นอนด้านกฎระเบียบและภาษี การลงทุนใน ‘เว็บ3’ อินเดียยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม ข้อจำกัดด้านเงินทุน และการที่เงินลงทุนแบบดั้งเดิมยังไม่หลั่งไหลเข้ามามากนักเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้บริษัทในอุตสาหกรรมต้องมองหาวิธีระดมทุน เช่น การขายเหรียญแบบ ‘คราวด์เซล’
รายงานยังเน้นย้ำว่า เพื่อเร่งการพัฒนา ‘เว็บ3’ รัฐบาลอินเดียควรออกกฎระเบียบที่ชัดเจนสำหรับผู้ให้บริการสินทรัพย์ดิจิทัล(VASP) ปรับปรุงโครงสร้างภาษี และเพิ่มความสามารถในการเข้าถึงทางการเงิน ขณะเดียวกัน การที่รัฐบาลเริ่มบล็อกการใช้งานกระดานเทรดต่างประเทศที่ไม่ได้จดทะเบียน กำลังนำไปสู่ปรากฏการณ์ย้ายเงินเข้าสู่กระดานเทรดในประเทศหรือ ‘ดีเซ็นทรัลไลซ์ เอ็กซ์เชนจ์’(DEX)
อินเดียปัจจุบันเป็นตลาดที่มี ‘เว็บ3’ นักพัฒนาใหญ่อันดับสองของโลก และเป็นตลาดที่มีสตาร์ทอัปมากที่สุดอันดับสาม แต่การขาดกฎระเบียบที่ชัดเจนและการสนับสนุนเชิงนโยบายยังคงเป็นอุปสรรคสำคัญต่อการดึงดูดนักลงทุนรายใหญ่
ความคิดเห็น 0