ตลาดคริปโตเผชิญแรงเทขายอย่างหนักในวันที่ 11 โดยมูลค่าตลาดรวมลดลงเหลือ 2.55 ล้านล้านดอลลาร์ ภายใน 24 ชั่วโมง มูลค่าถึง 57,000 ล้านดอลลาร์หายไปจากตลาด โดย ‘บิตคอยน์(BTC)’ ร่วงลงต่ำสุดที่ 76,600 ดอลลาร์ นำการปรับฐานของตลาดไปด้วย ขณะที่ ‘เฟตช์(FET)’ ก็ตกลงถึง 15% ส่งผลกระทบต่อกลุ่มอัลท์คอยน์โดยรวม
สาเหตุหลักของการปรับฐานนี้มาจากความกังวลต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ ซึ่งเพิ่มแรงกดดันต่อตลาด โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อ 'ประธานาธิบดีทรัมป์' ส่งสัญญาณยกเลิกนโยบาย 'ดีแบงก์กิ้ง(Debanking)' ของรัฐบาลไบเดน ทำให้เกิดแรงสั่นสะเทือนในภาคการเงิน นอกจากนี้ แม้ว่าคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์สหรัฐฯ (SEC) จะถอยจากการขยายอำนาจกำกับดูแลตลาดคริปโต เพิ่มความหวังต่อการผ่อนคลายกฎระเบียบ แต่กลับช่วยเร่งความผันผวนระยะสั้น
ในอีกด้านหนึ่ง มีรายงานว่า 'แซม แบงก์แมน-ฟรีด(SBF)' อดีตซีอีโอของ ‘FTX’ ได้ร้องขอการอภัยโทษจากทรัมป์ ตามรายงานของ ‘ฟอร์จูน’ แซมพยายามปรากฏตัวต่อสื่อมากขึ้นเพื่อสร้างแรงกดดันทางสังคม อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์การเมืองมองว่าความเป็นไปได้ในการได้รับอภัยโทษยังคงต่ำ
นโยบายการค้าระหว่างประเทศของทรัมป์ที่เต็มไปด้วยความไม่แน่นอนยังเป็นปัจจัยที่สร้างความผันผวนให้ทั้งตลาดการเงินแบบดั้งเดิมและตลาดคริปโต ในขณะที่นักลงทุนยังคงถกเถียงกันถึงทิศทางของตลาด นักวิเคราะห์ให้ความสำคัญกับแนวรับหลักของ ‘บิตคอยน์’ ซึ่งเป็นตัวบ่งชี้สำคัญทางเทคนิค โดยในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา มูลค่าคริปโตที่ถูกชำระบัญชี (Liquidated) รวมแล้วกว่า 940 ล้านดอลลาร์ และดัชนี ‘ความกลัวและความโลภ’ (Fear & Greed Index) ลดลงสู่ระดับ ‘กลัวสุดขีด’ ที่ 24
แม้กลยุทธ์ของทรัมป์ที่เอื้อต่อตลาดคริปโตจะสร้างผลบวกในระยะยาว แต่ในระยะสั้น ความไม่แน่นอนด้านเศรษฐกิจและกฎระเบียบยังคงเป็นปัจจัยเสี่ยง นักลงทุนจึงควรใช้แนวทางที่รอบคอบขึ้นในการตัดสินใจลงทุนในช่วงเวลานี้
ความคิดเห็น 0