ธนาคารสหรัฐฯ เร่งล็อบบี้คัดค้านร่างกฎหมาย GENIUS หวั่นกระทบอุตสาหกรรมการเงิน
ธนาคารหลายแห่งในสหรัฐฯ กำลังเดินหน้าล็อบบี้เพื่อสกัดร่างกฎหมาย GENIUS ซึ่งเกี่ยวข้องกับสเตเบิลคอยน์ ท่ามกลางความกังวลว่ากฎหมายดังกล่าวอาจช่วยให้อุตสาหกรรมคริปโตเข้ามาแย่งส่วนแบ่งตลาดจากระบบธนาคารแบบดั้งเดิม
จากรายงานของ American Banker เมื่อวันที่ 24 กฎหมาย GENIUS ต้องการคะแนนเสียง 60 คะแนนในวุฒิสภาเพื่อให้ผ่านการรับรอง นั่นหมายความว่าจะต้องได้รับเสียงสนับสนุนจากสมาชิกพรรคเดโมแครตอย่างน้อย 7 คน นอกเหนือจากพรรครีพับลิกัน อย่างไรก็ตาม เอลิซาเบธ วอร์เรน วุฒิสมาชิกที่เป็นฝ่ายตรงข้ามกับคริปโตโดยตรง ได้แสดงจุดยืนคัดค้านร่างกฎหมายนี้ พร้อมนำเสนอการแก้ไขที่จะป้องกันไม่ให้บริษัทยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีออกสเตเบิลคอยน์โดยไม่ได้รับความร่วมมือจากสถาบันการเงิน “หากบริษัทเทคโนโลยีต้องการเข้าสู่ตลาดการชำระเงิน พวกเขาควรร่วมมือกับธนาคาร ไม่ใช่ออกเหรียญของตัวเอง” วอร์เรนกล่าว
สเตเบิลคอยน์ได้รับความสนใจเพิ่มขึ้น เนื่องจากสามารถทำธุรกรรมได้รวดเร็วและมีต้นทุนต่ำกว่าเมื่อเทียบกับระบบธนาคารแบบดั้งเดิม โดยเฉพาะด้านการชำระเงินข้ามพรมแดนและการทำธุรกรรมระหว่างบุคคล (P2P) ซึ่งมีศักยภาพสูงในการเปลี่ยนอุตสาหกรรมการเงิน
ขณะเดียวกัน คริสโตเฟอร์ วอลเลอร์ หนึ่งในคณะผู้ว่าการธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) กลับเห็นว่าสเตเบิลคอยน์ควรได้รับการสนับสนุนจากหน่วยงานนอกภาคธนาคาร “สเตเบิลคอยน์สามารถปฏิวัติการชำระเงินได้ โดยเฉพาะในประเทศกำลังพัฒนา” วอลเลอร์กล่าว พร้อมเน้นย้ำถึงความสำคัญของร่างกฎหมายนี้
แม้ว่าธนาคารจะกังวลเกี่ยวกับผลกระทบของสเตเบิลคอยน์ แต่ก็เริ่มให้ความสนใจในตลาดนี้เช่นกัน โดยไบรอัน โมเยฮาน CEO ของแบงก์ออฟอเมริกา(BoA) เปิดเผยว่าธนาคารกำลังพิจารณาแนวทางการออกสเตเบิลคอยน์ของตัวเอง ด้านสกอตต์ เบเซนท์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังของสหรัฐฯ ระบุว่า รัฐบาลกำลังศึกษาแนวทางใช้สเตเบิลคอยน์เพื่อรักษาสถานะดอลลาร์เป็นเงินสกุลหลักของโลก
ปัจจุบัน ผู้ออกสเตเบิลคอยน์เป็นหนึ่งในผู้ถือครองพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ รายใหญ่เป็นอันดับที่ 18 ของโลก แซงหน้าประเทศอย่างเยอรมนีและเกาหลีใต้ ซึ่งสะท้อนว่ารัฐบาลสหรัฐฯ อาจใช้ตลาดสเตเบิลคอยน์เป็นเครื่องมือในการรักษาเสถียรภาพตลาดพันธบัตรและควบคุมอัตราเงินเฟ้อ
แม้ว่าธนาคารสหรัฐฯ จะพยายามต่อต้านร่างกฎหมายนี้ แต่ดูเหมือนว่านโยบายของรัฐบาลจะเริ่มยอมรับบทบาทของสเตเบิลคอยน์มากขึ้น บทสรุปของกฎหมาย GENIUS นี้จะส่งผลอย่างไรต่อตลาดคริปโตและอุตสาหกรรมการเงินของสหรัฐฯ ยังคงเป็นประเด็นที่ต้องจับตาดูต่อไป
ความคิดเห็น 0