Back to top
  • 공유 แชร์
  • 인쇄 พิมพ์
  • 글자크기 ขนาดตัวอักษร
ลิงก์ถูกคัดลอกแล้ว

ลาซารัสถือครองบิตคอยน์ทะลุ 1.1 พันล้านดอลลาร์ – FBI เผยขโมย ETH จาก Bybit กว่า 1.5 พันล้านดอลลาร์

Tue, 18 Mar 2025, 01:20 am UTC

ลาซารัสถือครองบิตคอยน์ทะลุ 1.1 พันล้านดอลลาร์ – FBI เผยขโมย ETH จาก Bybit กว่า 1.5 พันล้านดอลลาร์ / Tokenpost

ตลาดคริปโตยังคงมีความผันผวนอย่างต่อเนื่อง ขณะที่กลุ่มแฮกเกอร์เกาหลีเหนือ ‘ลาซารัส’ ได้เพิ่มการถือครองบิตคอยน์(BTC) เป็น 13,518 BTC คิดเป็นมูลค่ารวมกว่า 1.1 พันล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 40,000 ล้านบาท ทำให้พวกเขากลายเป็นหนึ่งในกลุ่มที่ถือครองบิตคอยน์มากที่สุดในโลก รองจากสหรัฐฯ, จีน, สหราชอาณาจักร และยูเครน

ทั้งนี้ สำนักงานสอบสวนกลางสหรัฐฯ (FBI) เปิดเผยว่ากลุ่มลาซารัสเพิ่งขโมยอีเธอเรียม(ETH) มูลค่ากว่า 1.5 พันล้านดอลลาร์ (ประมาณ 54,000 ล้านบาท) จากแพลตฟอร์ม Bybit นอกจากนี้ ข้อมูลจาก Arkham Intelligence พบว่ากลุ่มดังกล่าวได้ทยอยแปลงสินทรัพย์ที่ถูกขโมยจำนวนมากเป็นบิตคอยน์ นอกเหนือจาก BTC แล้ว ปัจจุบันพวกเขายังถือครองอีเธอเรียมประมาณ 13,702 ETH มูลค่าราว 26 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 910 ล้านบาท), ไบแนนซ์คอยน์(BNB) มูลค่า 3 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 105 ล้านบาท) และเหรียญ DAI มูลค่า 2.2 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 77 ล้านบาท)

ในขณะเดียวกัน ธนาคารกลางเกาหลีใต้ได้แสดงจุดยืนไม่สนับสนุนการนำบิตคอยน์มาเป็นส่วนหนึ่งของทุนสำรองระหว่างประเทศ โดยให้เหตุผลว่ามีความผันผวนสูงและสภาพคล่องที่ค่อนข้างจำกัด อีกทั้งยังไม่ผ่านเกณฑ์ของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ซึ่งกำหนดว่าสินทรัพย์สำรองต้องมีความน่าเชื่อถือและมีความเสถียรทางราคา ธนาคารกลางเกาหลีใต้ยังเตือนว่าหากตลาดคริปโตเกิดความผันผวนอย่างหนัก อาจทำให้ต้นทุนในการเปลี่ยนบิตคอยน์เป็นเงินสดพุ่งสูงขึ้น กลายเป็นปัจจัยเสี่ยงแทนที่จะช่วยรักษาเสถียรภาพทางการเงิน

ขณะเดียวกัน ราคาของ ‘ตันคอยน์(TON)’ พุ่งขึ้นอย่างรวดเร็วหลังจากทางการฝรั่งเศสคืนหนังสือเดินทางให้แก่ พาเวล ดูรอฟ(Pavel Durov) ผู้ก่อตั้งแอปพลิเคชัน Telegram ก่อนหน้านี้เขาถูกจำกัดการเดินทางในฝรั่งเศสเนื่องจากการสอบสวนของตำรวจ ทำให้เกิดความกังวลในตลาดคริปโต อย่างไรก็ตาม ข่าวการคืนพาสปอร์ตส่งผลให้นักลงทุนมีความมั่นใจมากขึ้น และช่วยผลักดันราคาของตันคอยน์ให้ปรับตัวขึ้น

อีกหนึ่งประเด็นที่สร้างความสนใจในตลาดคริปโตคือกรณีของนักเทรดรายหนึ่งที่เปิดสถานะ ‘ชอร์ต’ บิตคอยน์มูลค่า 350 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 12,300 ล้านบาท) บนแพลตฟอร์ม Hyperliquid โดยใช้เลเวอเรจสูงถึง 40 เท่า ซึ่งหมายความว่าหากราคาบิตคอยน์เพิ่มขึ้นเพียง 2.5% จะทำให้สถานะนี้ถูกบังคับปิด ด้วยเหตุนี้ กลุ่มนักลงทุนบางรายจึงพยายามผลักดันให้ราคาบิตคอยน์ปรับตัวขึ้นเพื่อให้เกิด ‘ชอร์ตสควีซ’ อย่างไรก็ตาม เทรดเดอร์รายนี้ได้เพิ่มหลักประกันเพิ่มเติมเพื่อคงตำแหน่งไว้ แม้ว่าราคาบิตคอยน์จะทะลุ 85,000 ดอลลาร์ไปแล้ว แต่สถานะชอร์ตกลับยังไม่ถูกบังคับปิด แถมยังเพิ่มมูลค่าสถานะเป็น 450 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 15,800 ล้านบาท)

สถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วนี้สะท้อนให้เห็นถึงความท้าทายในตลาดคริปโต ซึ่งทั้งนักลงทุนและหน่วยงานภาครัฐต้องจับตาแนวโน้มการเคลื่อนไหวอย่างใกล้ชิด 🧐

<ลิขสิทธิ์ ⓒ TokenPost ห้ามเผยแพร่หรือแจกจ่ายซ้ำโดยไม่ได้รับอนุญาต>

บทความที่มีคนดูมากที่สุด

บทความที่เกี่ยวข้อง

ความคิดเห็น 0

ข้อแนะนำสำหรับความคิดเห็น

ขอบคุณสำหรับบทความดี ๆ ต้องการบทความติดตามเพิ่มเติม เป็นการวิเคราะห์ที่ยอดเยี่ยม

0/1000

ข้อแนะนำสำหรับความคิดเห็น

ขอบคุณสำหรับบทความดี ๆ ต้องการบทความติดตามเพิ่มเติม เป็นการวิเคราะห์ที่ยอดเยี่ยม
1