ใกล้ถึงการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ(FOMC) ตลาดบิตคอยน์(BTC) กลับมามีความผันผวนอีกครั้ง นักลงทุนต่างจับตาดูการตัดสินใจเกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ยและทิศทางนโยบายของเฟดอย่างใกล้ชิด
เมื่อวันที่ 17 มีนาคม ราคาของบิตคอยน์ร่วงจาก 84,500 ดอลลาร์ ลงมาที่ 81,300 ดอลลาร์ โดยเผชิญแรงขายจากนักลงทุน กระแสการเทขายนี้เกิดขึ้นก่อนการประชุม FOMC ซึ่งมีกำหนดในวันที่ 18-19 มีนาคม ส่งผลให้ตลาดเริ่มมีลักษณะของ ‘การลดความเสี่ยง’ นักลงทุนหลายรายกังวลว่าผลการประชุมอาจทำให้ตลาดคริปโตเผชิญแรงกดดันเพิ่มเติม
โดยปกติแล้ว นักเทรดมักลดตำแหน่งการลงทุนและเลเวอเรจก่อนการประชุม FOMC ซึ่งเมื่อผลประชุมถูกประกาศ ราคามักเคลื่อนไหวรุนแรงขึ้น อย่างไรก็ตาม ข้อมูลการซื้อขายล่าสุดเผยว่า ‘มูลค่าสัญญาเปิด(Open Interest)’ ของบิตคอยน์ในตลาดฟิวเจอร์สไม่ได้ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งอาจบ่งชี้ว่าผู้ลงทุนไม่ได้วิตกกังวลเกี่ยวกับนโยบายของเฟดเท่าที่เคย
อีกหนึ่งปัจจัยที่น่าสนใจคือเงินลงทุนใน ‘ETF บิตคอยน์แบบสPot’ ตามข้อมูลจาก CoinGlass ที่ระบุว่าก่อนการประชุม FOMC ครั้งนี้แตกต่างจากเดิม โดยในวันที่ 17 มีนาคม มีเงินไหลเข้าสุทธิ 275 ล้านดอลลาร์ ตรงกันข้ามกับแนวโน้มก่อนหน้าที่ ETF บิตคอยน์มักเผชิญกระแสเงินไหลออกก่อนการประชุม ซึ่งสะท้อนถึงความคาดหวังว่าธนาคารกลางสหรัฐอาจไม่ใช้ท่าทีเชิงรุกมากเกินไป
ด้านแนวโน้มอัตราดอกเบี้ย ตลาดคาดการณ์ว่ามีโอกาสถึง 99% ที่เฟดจะ ‘คงอัตราดอกเบี้ย’ ไว้ที่ระดับ 4.25%-4.50% หากเป็นไปตามการคาดการณ์ ราคาบิตคอยน์อาจยังอยู่ในช่วงชะลอตัว อีกทั้งนักลงทุนบางรายอาจใช้โอกาสนี้เปิดสถานะ 'ชอร์ต(Short Position)' ในตลาด เช่น กรณีของนักลงทุนรายใหญ่ที่ใช้เลเวอเรจ 40 เท่า สำหรับสถานะชอร์ตมูลค่า 500 ล้านดอลลาร์ แต่ปัจจุบันสถานะนี้ถูกบังคับปิดไปแล้ว
นักวิเคราะห์จาก Master of Crypto ให้มุมมองว่า "ตลาดคริปโตจะเผชิญกับความผันผวนสูงหลังการประชุม FOMC" หากเฟดแสดงท่าที ‘ผ่อนคลาย’ มากกว่าที่คาด ตลาดอาจกลับมาฟื้นตัว แต่หากให้สัญญาณที่แข็งกร้าวขึ้นเกี่ยวกับนโยบายการเงิน ราคาบิตคอยน์อาจเผชิญแรงกดดันต่อเนื่อง
ในท้ายที่สุด ทิศทางราคาบิตคอยน์จะขึ้นอยู่กับสัญญาณที่ออกมาจากการประชุม FOMC นักลงทุนต้องจับตามองกระแสเงินทุนใน ETF และข้อมูลออนเชนเพราะอาจเป็นตัวบ่งชี้สำคัญถึงพฤติกรรมของนักลงทุนสถาบันและทิศทางตลาดในระยะต่อไป
ความคิดเห็น 0