มีบิต(Meebits) และ คริปโตพังค์(CryptoPunks) กำลังเข้าสู่ยุคใหม่หลังจากการเปลี่ยนมือเจ้าของ โดย ‘เซอร์จิโต’(Sergito) อดีตพนักงานของโกลด์แมนแซคส์ ได้เข้าซื้อคอลเลกชันมีบิตจากยูคาแล็บส์(Yuga Labs) เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา พร้อมเตรียมเดินหน้าพัฒนาโครงการในทิศทางใหม่
เซอร์จิโตเข้าสู่วงการ NFT ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2021 หลังจากได้รู้จักกับคริปโตพังค์ที่มีมูลค่าสูงจนกลายเป็นแรงบันดาลใจให้เขาเข้าร่วมชุมชน ต่อมาเขาได้ทำการซื้อคริปโตพังค์หมายเลข #6507 ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของเส้นทางในโลก NFT เขากล่าวว่า “การเป็นเจ้าของ NFT เป็นวิธีที่ทรงพลังในการสร้างตัวตนในโลกออนไลน์ เช่นเดียวกับที่บัตรพนักงานของโกลด์แมนแซคส์เคยเปิดโอกาสให้กับอาชีพของผม คริปโตพังค์ก็ให้โอกาสใหม่ในโลกดิจิทัล”
ในช่วงที่เกิดวิกฤตโควิด-19 ซึ่งตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลร่วงลงหนัก เซอร์จิโตอาศัยโอกาสนี้เข้าซื้อบิตคอยน์(BTC) และอีเธอเรียม(ETH) ในราคาต่ำ หลังจากนั้นเขาได้ทำความรู้จักกับมีบิต และชื่นชมในแนวคิดของลา วาแล็บส์(Larva Labs) ซึ่งเป็นผู้สร้างโครงการจนทำให้เขากลายเป็นหนึ่งในผู้สนับสนุนหลักของชุมชน ก่อนจะตัดสินใจเข้าซื้อกิจการมีบิตในที่สุด
หลังการเข้าซื้อ มีบิตจะถูกบริหารภายใต้ ‘มีบิตคอมพานี’(MeebCo) ที่เซอร์จิโตก่อตั้งขึ้น โดยยูคาแล็บส์ยังคงถือหุ้นบางส่วน แต่มีบิตคอมพานีจะได้รับสิทธิ์การบริหารแบรนด์และระบบนิเวศของโครงการ เซอร์จิโโตได้กำหนดกลยุทธ์หลักสี่ข้อเพื่อพัฒนาโครงการ ได้แก่ การเสริมสร้างคุณค่าด้านศิลปะและประวัติศาสตร์ ขยายประสบการณ์ดิจิทัลและออฟไลน์ ปรับปรุงเทคโนโลยี และกระตุ้นการมีส่วนร่วมของชุมชน
เขากล่าวว่า "มีบิตไม่ใช่เพียงแค่ NFT แต่เป็นเหมือนกับของเล่นฮอตวีล(Hot Wheels) สำหรับวัย 30-40 ปี และไม่ต่างจากของเล่นในวัยเด็กที่ช่วยให้เราสร้างมิตรภาพ NFT ก็สามารถเป็นสื่อกลางที่เชื่อมโยงผู้คนจากทั่วโลกเข้าด้วยกัน"
ขณะนี้อุตสาหกรรม NFT กำลังจับตาดูว่ามีบิตภายใต้การนำของเซอร์จิโตจะมุ่งหน้าไปในทิศทางใด และจะสร้างบทบาทใหม่ในวงการได้อย่างไร
ความคิดเห็น 0