ราคาของบิตคอยน์(BTC) ที่พุ่งสูงขึ้นกำลังทำให้หน่วยงานจัดเก็บภาษีทั่วโลกเพิ่มความเข้มงวดในการติดตามธุรกรรมคริปโต ผู้เชี่ยวชาญคาดการณ์ว่า หน่วยงานภาษีจะเริ่มดำเนินการอย่างจริงจังก่อนที่ราคาของบิตคอยน์จะทะลุ 1 ล้านดอลลาร์
นักลงทุนคริปโตไม่ควรมองข้ามเรื่องภาษี หน่วยงานจัดเก็บภาษีในหลายประเทศอาจตรวจสอบธุรกรรมย้อนหลัง รวมถึงการซื้อขายที่ไม่ได้รายงานในอดีต บางประเทศได้นำระบบเก็บภาษีแบบย้อนหลังมาใช้แล้ว และหากพบว่ามีรายได้ถูกปกปิดเป็นจำนวนมาก สิ่งนี้อาจนำไปสู่มาตรการที่เข้มงวดขึ้น
ในสหรัฐอเมริกา กรมสรรพากร (IRS) กำลังปรับปรุงระบบภาษีคริปโต โดยเริ่มตั้งแต่ปี 2025 จะมีการบังคับใช้ ‘วิธีติดตามต้นทุนต่อกระเป๋าเงิน’ ซึ่งช่วยให้ IRS สามารถตรวจสอบธุรกรรมได้ชัดเจนขึ้น แม้จะเพิ่มภาระให้กับนักลงทุนในการยื่นภาษี นอกจากนี้ แพลตฟอร์มซื้อขายคริปโตในสหรัฐฯ จำเป็นต้องรายงานรายได้ของผู้ใช้ที่เกิน 600 ดอลลาร์ (ประมาณ 87,000 บาท) ต่อปีโดยอัตโนมัติ
ออสเตรเลียก็กำลังเดินหน้าตรวจสอบธุรกรรมคริปโตอย่างเข้มข้น สำนักงานสรรพากรออสเตรเลีย (ATO) ได้พัฒนาระบบที่สามารถบันทึกธุรกรรมที่เกิดขึ้นบนแพลตฟอร์มซื้อขายเข้ากับรายงานภาษีของแต่ละบุคคลโดยอัตโนมัติ ทำให้ทางการสามารถติดตามข้อมูลได้โดยไม่ต้องอาศัยการรายงานของผู้ใช้
นอกจากนี้ แนวโน้มความร่วมมือด้านภาษีระหว่างประเทศก็กำลังขยายตัว ในเดือนมีนาคม ออสเตรเลียและอินโดนีเซียได้ลงนามในข้อตกลงแลกเปลี่ยนข้อมูลภาษีคริปโต ขณะที่เมื่อเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้ว สหราชอาณาจักร เยอรมนี ญี่ปุ่น และอีก 47 ประเทศ ได้ตกลงพัฒนากรอบการรายงานสินทรัพย์ดิจิทัล (CARF) เพื่อให้การแลกเปลี่ยนข้อมูลภาษีข้ามพรมแดนเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพภายในปี 2027
แม้ปัจจุบันการลงทุนในการเงินกระจายอำนาจ (DeFi) และโทเคนที่ไม่สามารถเปลี่ยนได้ (NFT) อาจยังถูกจับตามองน้อยกว่า แต่หน่วยงานภาษีก็กำลังพัฒนาแนวทางควบคุม IRS มีแผนบังคับให้ผู้ให้บริการคริปโตแบบไม่รับฝาก (non-custodial brokers) จัดเก็บข้อมูลของผู้ใช้ และมาตรการนี้อาจเริ่มใช้จริงภายในปี 2027
ท้ายที่สุด นักลงทุนคริปโตควรเตรียมพร้อมรับมือการบังคับใช้กฎระเบียบภาษีที่เข้มงวดขึ้น ด้วยเทคโนโลยีใหม่ที่ทำให้หน่วยงานสามารถติดตามธุรกรรมย้อนหลังได้ นักเทรดจึงต้องให้ความสำคัญกับการปฏิบัติตามข้อกำหนดด้านภาษีอย่างเคร่งครัด
ความคิดเห็น 0