บริษัทวิจัยบล็อกเชน ‘โฟร์พิลลาร์ส(Four Pillars)’ รายงานว่าการพัฒนาเทคโนโลยี ‘ครอสเชน’ ของ ‘เลเยอร์ซีโร(LayerZero)’ และ ‘สตาร์เกต(Stargate)’ กำลังมีบทบาทสำคัญในการเชื่อมโยงบล็อกเชนเข้าด้วยกัน โดยเลเยอร์ซีโรสามารถรองรับการส่งข้อความข้ามเครือข่ายไปยังมากกว่า 120 เชน พร้อมความสามารถในการอ่านข้อมูลระหว่างบล็อกเชน ขณะที่สตาร์เกตที่พัฒนาบนเลเยอร์ซีโรได้สร้างโครงสร้างพื้นฐานเพื่อรองรับการโอนเหรียญระหว่างมากกว่า 80 เชน
เทคโนโลยีของเลเยอร์ซีโรไม่ได้เป็นเพียงแค่สะพานเชื่อมบล็อกเชน แต่ยังช่วยขยายการเข้าถึงข้อมูลระหว่างเชนในระดับที่กว้างขึ้น โดยเฉพาะฟีเจอร์ ‘lzRead’ ที่เพิ่มความสามารถในการอ่านข้อมูลจากเครือข่ายต่าง ๆ ได้โดยตรง นอกจากนี้ การเปิดตัวฐานข้อมูล QMDB ยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการประมวลผลข้อมูลบนบล็อกเชนให้สูงขึ้นถึง 6-8 เท่าจากเดิม โฟร์พิลลาร์สระบุว่าความก้าวหน้าด้านนี้จะช่วยให้การแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างเชนราบรื่นขึ้น และเป็นประโยชน์ต่อระบบนิเวศของแอปพลิเคชันแบบกระจายศูนย์ (dApp)
ขณะที่สตาร์เกตรับหน้าที่เป็นแพลตฟอร์มบริดจ์เชื่อมโยงสภาพคล่องขนาดใหญ่ รองรับการโอนสินทรัพย์ดิจิทัลโดยไม่ต้องพึ่งพาการแปลงเป็นเหรียญห่อ (Wrapped Token) โดยเชื่อมต่อกับ 67 เชน และรองรับหลายร้อยสกุลเหรียญ นอกจากนี้ สตาร์เกตยังใช้โปรโตคอล OFT (Omnichain Fungible Token) เพื่อรักษาความต่อเนื่องของสภาพคล่องระหว่างเชน ซึ่งได้รับความสนใจจากองค์กรชั้นนำอย่าง ‘เทเธอร์(USDT)’ และ ‘เพย์พาล(PayPal)’
ฐานข้อมูล QMDB ที่เพิ่งเปิดตัวล่าสุด กลายเป็นโซลูชันสำคัญสำหรับระบบตรวจสอบเครือข่ายบล็อกเชน โดยสามารถประมวลผลได้ถึง 2.28 ล้านอัปเดตต่อวินาที และรองรับธุรกรรมมากถึง 1 ล้านรายการต่อวินาที ด้วยประสิทธิภาพที่เพิ่มขึ้นนี้ คาดว่าระบบบล็อกเชนจะสามารถรองรับการใช้งานในอุตสาหกรรมการเงินและเกมที่ต้องการความเร็วสูงได้อย่างมีประสิทธิภาพ โฟร์พิลลาร์สเน้นย้ำว่าเลเยอร์ซีโรกำลังกลายเป็นโครงสร้างพื้นฐานระดับ ‘เลเยอร์ 0’ ที่สำคัญในระบบนิเวศของบล็อกเชน และมีแนวโน้มเติบโตต่อไป
ด้วยการขยายตัวของทั้งเลเยอร์ซีโรและสตาร์เกต เทคโนโลยีครอสเชนกำลังพัฒนาไปไกลกว่าการเป็นเพียงสะพานแลกเปลี่ยนเหรียญ โดยเริ่มเชื่อมโยงข้อมูลระหว่างเชนและระบบออฟเชนเข้าด้วยกัน ส่งผลให้การใช้งานของ Web3 มีความคล่องตัวมากขึ้น และอาจเป็นก้าวสำคัญของการพัฒนาเทคโนโลยีบล็อกเชนในอนาคต
ความคิดเห็น 0