อีเธอเรียม(ETH) เผชิญกับการลดลง 22% ในไตรมาสแรกของปีนี้ ซึ่งถือเป็นการเริ่มต้นปีที่แย่ที่สุดในประวัติศาสตร์ อย่างไรก็ตาม การลดลงของปริมาณอีเธอเรียมที่ถือครองบนกระดานเทรดอาจบ่งชี้ว่าความกดดันในการขายลดลง ซึ่งเป็นปัจจัยที่ตลาดกำลังจับตามอง
ในเดือนมกราคม อีเธอเรียมมีผลตอบแทน -1.28% ก่อนที่จะร่วงลง 32.2% ในเดือนกุมภาพันธ์ และในเดือนมีนาคมยังคงลดลงอีก 6.27% ภาพรวมไตรมาสแรกจึงถือว่าเป็นหนึ่งในช่วงที่ยากลำบากมากที่สุด โดยเปรียบเทียบได้กับตลาดขาลงในปี 2018 และ 2022 น่าสนใจว่าช่วงต้นปี 2018 อีเธอเรียมก็เผชิญกับการลดลงในเดือนกุมภาพันธ์ถึงมีนาคมเช่นกัน ก่อนจะฟื้นตัวขึ้น 68% ในเดือนเมษายน
อีกหนึ่งปัจจัยที่ก่อให้เกิดความกังวลคือ ‘ปริมาณธุรกรรมที่ลดลง’ โดยเฉพาะตัวชี้วัด ‘การเผาเหรียญ’ ที่เปิดตัวผ่าน EIP-1559 ซึ่งแตะระดับต่ำสุด ณ วันที่ 23 มีนาคม ปริมาณการเผาไหม้รายวันอยู่ที่ 50.03 ETH (ประมาณ 146 ล้านบาท) ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ การลดลงของการเผาเหรียญบ่งชี้ว่าความต้องการใช้เครือข่ายลดลง ซึ่งอาจไม่เป็นผลดีต่อมูลค่าของอีเธอเรียมในระยะยาว
อย่างไรก็ตาม มีสัญญาณบวกที่ควรจับตามอง โดยข้อมูลจากบริษัทวิเคราะห์คริปโตฯ ‘ซานติเมนท์’ (Santiment) ระบุว่า ปริมาณอีเธอเรียมที่ถูกเก็บไว้บนกระดานเทรดลดลงต่ำกว่า 9 ล้าน ETH ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 10 ปี สถานการณ์ดังกล่าวอาจบ่งบอกว่านักลงทุนเลือกที่จะ ‘ถือระยะยาว’ หรือทำการสเตกกิ้ง (Staking) บนแพลตฟอร์มดิไฟ (DeFi) แทน
สำหรับแนวโน้มในอนาคต อีเธอเรียมต้องเผชิญกับแนวต้านหลักที่ 2,100 ดอลลาร์ หากสามารถทะลุขึ้นไปได้ อาจเกิดแรงซื้อและมีโอกาสฟื้นตัว แต่หากล้มเหลว อาจนำไปสู่การปรับตัวลงต่อเนื่อง ปัจจุบัน ราคาของอีเธอเรียมอยู่ที่ 2,091 ดอลลาร์ (ประมาณ 3.05 ล้านบาท) โดยเพิ่มขึ้น 3.8% ภายในวันเดียว อย่างไรก็ตาม ในช่วงหนึ่งเดือนที่ผ่านมา ETH ยังคงติดลบ 22.3% และลดลง 37.6% เมื่อเทียบแบบปีต่อปี
ความคิดเห็น 0