เมื่อวันที่ 26 เซโล(Celo) ประกาศผ่านแพลตฟอร์ม X (เดิมคือทวิตเตอร์) ว่า ‘เซโลได้กลายเป็นเครือข่ายเลเยอร์ 2 (L2) อย่างเป็นทางการบนอีเธอเรียม(ETH)’ การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ทำให้เซโลใช้เทคโนโลยี ‘Optimism Rollup’ เพื่อดำเนินงานเป็นเครือข่าย L2 โดยโครงสร้างใหม่นี้มาพร้อมกับความสามารถในการสร้างบล็อกภายใน 1 วินาที ค่าธรรมเนียมที่ต่ำ และการใช้ ‘เหรียญ USDT และ USDC’ เป็นค่าธรรมเนียมแก๊ส
กระบวนการเปลี่ยนผ่านนี้เริ่มต้นตั้งแต่ช่วงฤดูร้อนปี 2023 ตามข้อเสนอของเซโล และเพิ่งเสร็จสมบูรณ์หลังจากบล็อกเชน L1 เดิมถูกยุติการสร้างบล็อก พร้อมกับการย้ายไปยัง L2 โดยสมบูรณ์ เครือข่ายใหม่นี้ถูกสร้างขึ้นบนเทคโนโลยี OP Stack ซึ่งเป็นพื้นฐานของ Optimistic Rollup
มาร์เร็ก ออลเชฟสกี ผู้บริหารของ cLabs กล่าวกับ Cointelegraph ว่า “การเปลี่ยนเป็น L2 บนอีเธอเรียมช่วยให้เซโลมีความปลอดภัยและขยายขนาดได้ดีขึ้น” พร้อมเสริมว่า “การทำธุรกรรมทั้งหมดของเซโลจะเชื่อมโยงกับเครือข่ายอีเธอเรียม ทำให้คงไว้ซึ่งความมั่นคงทางเศรษฐกิจและการกระจายศูนย์” นอกจากนี้ เขายังชี้ว่าการสร้างบล็อกที่เร็วขึ้นและการยืนยันธุรกรรมที่แทบจะเกิดขึ้นทันทีจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพโดยรวม
อิร์ฟาน ชีค ผู้ก่อตั้ง Interstate Rollup Protocol แสดงความคิดเห็นว่า “อีเธอเรียมมีเอฟเฟกต์เครือข่ายที่แข็งแกร่งที่สุดในอุตสาหกรรมบล็อกเชน” พร้อมระบุว่าการเปลี่ยนมาเป็น L2 ช่วยแก้ปัญหาการกระจายตัวของสภาพคล่องใน L1 และช่วยให้สามารถใช้งานสภาพคล่องของเครือข่ายอีเธอเรียมได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
ออลเชฟสกียังกล่าวเสริมว่า การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ช่วยลดความซับซ้อนของโค้ดและปรับปรุงความปลอดภัย โดยระบุว่า “โค้ดของระบบใหม่มีขนาดเล็กลงกว่าเดิมถึง 365,000 บรรทัด ทำให้มีความปลอดภัยที่สูงขึ้น และเป็นโค้ดเบสที่เบาแต่ทำงานได้รวดเร็ว” พร้อมเน้นว่าเซโลยังคงเก็บรักษาประวัติการทำงานบนบล็อกเชนตลอด 5 ปีที่ผ่านมาไว้เหมือนเดิม เพื่อคงความน่าเชื่อถือ
การเปลี่ยนผ่านครั้งนี้ยังมีผลกระทบต่อโทเคนดั้งเดิมของเซโลที่ย้ายเข้าสู่เครือข่ายอีเธอเรียม ซึ่งคาดว่าจะช่วยเพิ่มสภาพคล่องของโทเคน ออลเชฟสกีสรุปว่า “เซโลได้ปรับเปลี่ยนทั้งโครงสร้างพื้นฐาน ระบบนิเวศ และเป้าหมายให้เข้ากับการเป็นเลเยอร์ 2 ของอีเธอเรียมโดยสมบูรณ์แล้ว”
ความคิดเห็น 0